รายละเอียด:
กำไลปรอทกินทอง (ยันต์เยสัตตะศาลา), พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
แม้กำไลนี้มีวรรณะเหมือนทองคำ แต่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ เป็นปรอทกินทองในรูปแบบของกำไล โดยพระอาจารย์โอได้นำปรอทกินทองส่วนที่เตรียมไว้สำหรับการหุงเป็นเม็ด มารีดขึ้นวงเป็นกำไลอันสวยงาม
พระอาจารย์โอได้จารอักขระ ลงบนกำไลทุกวงด้วย ”พระคาถาเยสัตตะศาลา”
เป็นพระคาถาภาษาบาลีที่ถูกถอดออกมาจากพระคาถาเยธัมมาที่เป็นภาษาปัลลวะ
"สถิตอยู่ที่ใด ที่นั่นจะบังเกิดแต่สิ่งดีงาม"
เป็นหัวใจพระพุทธศาสนา ว่ากันว่าเป็นหัวใจแห่งการขับเคลื่อนให้เกิดความร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรืองไปทางในทางกุศล อักขระเยธัมมานี้ เป็นภาษาปัลลวะ ซึ่งเป็นภาษาที่เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยยุคศรีวิชัย จะเห็นอักขระเยธัมมานี้ ดาษเดื่อนทั่วแผ่นดินสีวิชัย เชื่อกันว่าอักขระเยธัมมานี้ประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดจะเกิดความเจริญรุ่งเรืองที่นั่น พระอาจารย์ได้พบเจอคาถาเยธัมมานี้ในศิลาจารึก สมัยที่บูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเจดีย์องค์แรกที่สร้างสมัยทวารวดี พระอาจารย์ได้ให้ลูกศิษย์ถ่ายรูปมา พอลูกศิษย์ท่านนั้นนำรูปคาถาเยธัมมานั้นไปติดที่บ้าน ก็มีบ้าน มีรถ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ปลุกเสกด้วยพระคาถาเยสัตตะศาลา อันเป็นพระคาถาประจำวัด กลางบางแก้วที่หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ ใช้ภาวนาเสกวัตถุมงคลทุกครั้ง และแม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็ยังให้ความเคารพเชื่อถือในพระคาถาเยสัตตะศาลานี้
ธะนะเต็กธิปะดา (ปรอทกินทอง)
ตำนานแห่งปรอทกายสิทธิ์
ปรอทที่ทุกคนต่างอยากได้มาครองครอง
ผู้ที่ครอบครอบปรารถนาเงินทองจักได้กินทุกสิ่งอัน
ของ "เจ้าสยาดอ ปะดา เมียเมียโล็วตี ก็อดเมอคิวรี่เวรี่แฮนซั่มเมจิกมาสเตอร์" (พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา)
ทายาทสายวิชา ท่านอาจารย์อูว์กว่าหล่า และ ท่านอาจารย์อูว์จี สำนักประดาสิทธิเมืองเมียวดี
ปรอทกินทองเป็นปรอทกายสิทธิ์ประเภทหนึ่งตามศาสตร์วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ขึ้นชื่อลือชาว่ามีคุณวิเศษอนันต์จริง แต่การจะหาใครซักคนทำได้สำเร็จนั้นยากยิ่ง เมื่อก่อนเคยมีตำนานกล่าวขานถึงปรอทกินทอง ที่พระอาจารย์โอเคยทำไว้สมัยยังอยู่วัดเก่า เมื่อทำสำเร็จตามตำราแล้ว พระอาจารย์โอก็ได้วางมือไปนาน ปีใหม่ศักราชใหม่นี้ พระอาจารย์โอจึงรื้อฟื้นคืนตำนานแห่งปรอทกินทองกลับให้มาสะเทือนสั่นกัมปนาทโลกาอีกครั้ง
เหตุที่ปรอทกายสิทธิ์ชนิดนี้ถูกเรียกว่าปรอทกินทองก็เนื่องจาก เวลาหุงต้องคอยป้อนทองคำเลี้ยงใส่ให้ปรอทกิน เพราะตามธรรมชาตินั้นปรอทเป็นธาตุที่อันตรธานหายได้ง่ายมาก จึงจำเป็นที่จะต้องนำทองคำซึ่งเป็นของที่ปรอทชื่นชอบมาล่อให้ปรอทไม่หนีไปจากเบ้า โดยแต่ละครั้งที่นำปรอทไปหุงในเบ้านั้น ผู้ทำต้องคอยป้อนทองคำให้ปรอทกินในปริมาณที่พอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เพราะหากปริมาณสัดส่วนของทองคำและปรอทไม่ถูกต้องตามสูตร ทั้งปรอทและทองคำจะหนีหายออกจากเบ้าไปหมด ซึ่งแต่ละครั้งที่ปรอทได้กินทองคำเข้าไป อิทธิฤทธิ์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ผู้เผาปรอทชนิดนี้จึงต้องทำอย่างพิถีพิถันและละเอียดรอบคอบถึงจะได้ปรอทกินทองที่มีฤทธิ์ตามตำรา พระอาจารย์โอได้ใช้ทองคำ 99.99% รวมไปถึงเครื่องประดับทองคำสมัยทวารวดีที่มีแร่ปรอทแทรกอยู่ในเนื้อมาป้อนให้ปรอทกินอยู่นานจนปรอทอิ่มทอง เพราะพระอาจารย์โอกล่าวว่า “การหุงปรอทกินทองก็ไม่ต่างกับการเลี้ยงไก่ หากเราให้อาหารไก่ด้วยอาหารที่มีคุณภาพ ไก่นั้นก็จะออกไข่ที่สดใหม่ให้เราเป็นการตอบแทน”
คุณวิเศษหลัก 5 ประการของปรอทกินทอง
1.ควรนำไปทำเป็นแหวนหรือจี้เพื่อให้สัมผัสกับร่างกายเพื่อให้ปรอทสามารถช่วยเหลือเกื้อหนุนผู้เป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ สามารถขับพิษร้ายที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกไป ทำให้มีกำลังวังชา ใช้สวมใส่เวลานอนหลับ ทำให้นอนหลับสบาย ตื่นมาด้วยความสดชื่น
2.ป้องกันสิ่งอัปมงคล อำนาจคุณไสย์มนต์ดำ ภูตผีปีศาจร้าย อันตรายทั้งปวงไม่ให้มากร้ำกรายราวี ทั้งยังป้องกันภยันตราย แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทภัย เป็นคงกระพันชาตรี ศัตรูหมู่คนพาลแพ้ภัยตนเอง ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษทั้งหลายตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆได้
3.ปรับสมดุลธาตุทั้ง๔ในร่างกายให้สม่ำเสมอ ไม่เจ็บป่วยง่าย มีสุขภาพดี ทั้งยังเสริมธาตุทองในตัว ช่วยเสริม อำนาจ วาสนา บารมี เสน่ห์ โชคลาภ หนุนดวง ให้ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง เสริมในสิ่งที่ขาด เสริมสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น เพราะทองเป็นธาตุที่เข้าได้กับทุกธาตุไม่ว่าอยู่กับธาตุไหนก็ทำให้ธาตุนั้นมีค่า ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น
4.เสริมดวงชะตาราศี เวลาดวงชะตาขึ้น ปรอทกินทองนี้จะสุกใสเปล่งประกายทอง เวลาดวงตกเคราะห์ร้ายตามอิทธิพลของจักรราศี ปรอทกินทองจะหม่นหมองคล้ำดำลง เมื่อสีสันของปรอทกินทองคล้ำลงให้นำปรอทกินทองไปแช่ในน้ำส้มป่อยแล้วอาราธนาคุณครูบาอาจารย์และเทพเทวดาผู้อารักษ์รักษาปรอทช่วยเสกน้ำให้เป็นน้ำมนต์อาบตัว แล้วควรทำบุญสะเดาะเคราะห์เสีย จะดีนักแล
5.เวลาจะเดินทางไปไหน ให้นำน้ำหอมมาประพรมลูบทาที่ปรอทกินทองแล้วอธิษฐานจะสมดังใจเราแล เมื่อบูชาปรอทกินทองเจ้าของควรไหว้พระสวดมนต์อยู่เสมอหรือสวดบทพระพุทธคุณ อิติปิโสวันละ3รอบจะดียิ่งๆขึ้นไปอย่างมากนักแล
Mercury Eat Gold Bracelet. (Yant “Ye Sat Ta Sa La”) by Phra Arjarn O, Phetchabun.
For this version, Phra Arjarn O wrote Katha Ye Sat Ta Sa La.
This Katha was encode from Katha “Ye Tum Mar” in Pallava lanquage be be Pali lanquage.
"Wherever Has This Alphabet Exist, That Place Will Be Full Of Excellency."
The ancient alphabet refers to Buddhism’s heart. People believe that this alphabet will impel opulence & richness. It is the Pallava lanquage that was used during Srivijaya kingdom because people in that period believed that wherever has “Ye Tum Mar” exist, that place will be full of happiness & abundance. Phra Arjarn O saw this “Ye Tum Mar” alphabet at Phra Pathommachedi that is the first pagoda of Dvaravati kingdom. One of Phra Arjarn O’s disciple printed out “Ye Tum Mar” alphabet to stick around in his home and then after that he become more rich surprisingly.
Blessing with “Ye Sat Ta Sa La” which is the regular Katha of Wat Klang Bang Kaew that LP.Boon, LP.Perm and LP.Jer always used to bless amulets for every ceremony. Even LP.Sook, Wat Makhamthao also highly respect in this Katha.
5 Fantastic Functions Of Mercury Eat Gold.
1.The owner should take Mercury Eat Gold to make a ring or pendant because when Mercury Eat Gold touch the owner’s skin directly, it will expel disease and illness out of the owner and also support the owner effectively. It will increase the owner’s energy and help the owner sleeps well and wake up with freshness.
2.Mercury Eat Gold can protect the owner from black magic, ghost, poisonous animal, accident and danger. Being invulnerableand eliminate opponents.
3.Mercury Eat Gold will improve the owner’s health to be healthy and reinforcethe gold mineral inside the owner’s body that will support the owner to be lucky, wealthy and having a good look. Also good for business and support whatever the owner lack off because Gold is the natural mineral that can accord with any mineral and make that mineral become more worth and shining.
4.Mercury Eat Gold will support the owner’s destiny. When the owner’s destiny raises up, Mercury Eat Gold will be shining as gold. In the other hand, when the owner’s destiny is down due to the zodiac changes, Mercury Eat Gold will become dull. Therefore, when Mercury Eat Gold become dull, the owner should take it into the pure water and pray to the mercury teacher and holy things who maintain this Mercury Eat Gold to bless the water to be holy water for bathing and go the make merit at the temple also.
5.The owner should perfuseperfume upon Mercury Eat Gold and then make a wish, the wish will come true. The owner should pay respect to Buddha and chant Buddha’s spell often to get the complete effectiveness of Mercury Eat Gold.