รายละเอียด:
สมเด็จพุทธมณีโคตร, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
ผู้ใดได้ครอบครองไว้บูชาถือเป็นเกียรติยศแห่งชีวิต เป็นเกียรติประวัติแห่งมนุษยชาติ แกะจากไม้ที่ได้ชื่อว่ามีเพียงต้นเดียวในโลกนามว่า “มณีโคตร” อันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งและมีดวงจิตเทพวิญญาณเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุรักษา มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพกาลสมัยพญาแถนปันฟ้า ผีปันน้ำได้บังเกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นได้มี3สิ่งบังเกิดขึ้นมาครั้งแรกก่อนสิ่งใดๆในโลกประกอบไปด้วย
1.ต้นมณีโคตร ถือว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งธัญพืชทั้งมวล เพราะเมื่อต้นมณีโคตรได้ออกผลจนหมากไม้มณีโคตรร่วงลงสู่พื้น หมากไม้มณีโคตรก็จะกลายเป็นข้าวฝ้าง, ข้าวสาลี, ข้าวโพด และผลไม้นานาพันธุ์รวมทั้งพืชพันธุ์ชนิดต่างๆ
2.เครือเขาขาด ถือว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งสัตว์ทั้งปวง เพราะเมื่อถึงเวลาเถาวัลย์ของเครือเขาขาดจะขยายออกเป็นปล่องและบวมขึ้นจนแตก กลายเป็นหนู, ไก่, และสัตว์ชนิดต่างๆ
3.ว่านไพลดำ ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของว่านวิเศษต่างอันมีฤทธิ์ เป็นราชาของว่านทั้งปวง
เหตุด้วยบุญพาวาสนาส่ง จึงได้มีทหารชาวลาวนำมาถวายพระอาจารย์โอหลังจากต้นมณีโคตรได้ล้มลงในปี2555 เมื่อพระอาจารย์ได้ไม้มณีโตรมาจึงได้ทำการแกะเป็นพระพิมพ์สมเด็จแล้วจึงจารอักขระตามตำหรับพิชัยสงคราม ได้จำนวนทั้งสิ้นเพียง18องค์เท่านั้น
|
สมเด็จพุทธมณีโคตรมีพุทธศิลป์สวยงาม เป็นพระพิมพ์สมเด็จซึ่งถือว่าเป็นจักรพรรดิของพระเครื่อง โดยมีนัยยะความหมายอันเป็นมงคลดังนี้
-กรอบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หมายถึง พื้นแผ่นดินที่ทรงพระอริยสัจอยู่
-เส้นซุ้ม หมายถึง อวิชาที่คลุมพิภพอยู่
-รูปพระพุทธรูปและฐานพระมองเห็นเป็นรูปสามเหลี่ยม หมายถึง พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้พบแล้วซึ่งอริยสัจ
-รูปพระนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ หมายถึง พระพุทธเจ้าปางตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ โพธิบัลลังก์
-ฐานบัลลังก์รองรับทั้ง5ชั้นหมายถึงขันธ์ทั้ง5,เบญจศีลและเบญจธรรม
+ต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกา+
ต้นมณีโคตรต้นนี้อยู่ที่น้ำตกคอนตะเพ็ง ประเทศลาว เติบโตอยู่ท่ามกลางตำนาน บนแง่หินที่เป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ที่กล่าวกันว่าไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดไปถึง หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วก็อย่าแม้แต่หวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ทั่วโลกต่างหมายปองที่จะได้ศึกษาต้นมณีโคตรนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังไม่เคยมีใครสามารถเข้าไปใกล้ได้เลย จะมีเพียงก็แต่นกกระยางขาวและอีกา ที่มีโอกาสได้บินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรเฉพาะวันพระเท่านั้น
ต้นมณีโคตรเป็นต้นไม้พิเศษและพิศดารเหนือธรรมชาติเพราะรากแก้วที่ควรจะอยู่ในดินกลับชี้ขึ้นฟ้า ส่วนกิ่งก้านสาขาที่ควรจะอยู่บนพื้นดินกลับชี้ลงดินโดยยังเจริญงอกงามอยู่ได้โดยไม่เฉาตายมากว่าพันปี ต้นมณีโคตรนั้นมี3กิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ชาวลาวเชื่อกันว่ากิ่งของต้นมณีโคตรนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้ ชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยทั้ง3กิ่งจะชี้ไป3ทิศ กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งลาว(ทิศเหนือ) ซึ่งเชื่อกันว่า ใครได้กินผลหมากไม้มณีโคตรที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งเขมร(ทิศใต้) เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งนั้นชี้ไปทางฝั่งไทย(ทิศตะวันออก) เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้จะหนุ่มสาวขึ้นและมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์