แหวนปรอทสรรพสิทธิ

พุทธคุณใดๆเท่าที่คุณจะนึกออก

คำอธิษฐานใดๆเท่าที่คุณจะกล่าวถึง

แหวนหนึ่งวงนี้บันดาลให้คุณได้

‼อภิมหาแหวนวิเศษที่รวมปรอททั้ง10ชนิดไว้เป็นหนึ่งเดียว‼

“มีชัยทั้ง10ทิศ อิทธิฤทธิ์พิชิตเหนือโลกา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล หาใดปานวิเศษเท่าคงไม่มี”

พระอาจารย์โอตั้งใจสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ประดับโลกว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งได้เคยมียอดคนหุงปรอททั้ง10นี้ได้สำเร็จ และเป็นเสมือนที่ระลึกเตือนใจว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” เพราะกว่าปรอทแต่ละชนิดจะสำเร็จได้นั้นเป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ ดังคำกล่าวของพระอาจารย์โอที่ว่า “วิชาปรอท เป็นวิชายอดคน คือต้องอดทนยิ่งกว่าคน สุขุมยิ่งกว่าคน รอบรู้ยิ่งกว่าคน ฉลาดยิ่งกว่าคน ถึงจะได้เป็นคนเหนือคน”

ถ้าหากจะให้อธิบายกล่าวถึงอิทธิคุณของแหวนปรอทสรรพสิทธินี้คงไม่สามารถจะบรรยายออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้ เพราะเป็นการรวมปรอทกายสิทธิ์ถึง 10 ชนิดไว้ด้วยกัน อันประกอบไปด้วย:

1.ปรอทฤาษีนารอท

2.แก่นปรอท

3.ปรอทมหาวิเศษ

4.ปรอทแหม่ต่อ

5.ปรอทจักรพรรดิ์

6.ปรอทเหล็กเพชรรัตน์จักรวาล

7.ปรอทเพชรบุรี

8.ปรอทมหาสำเร็จ

9.ปรอทรวม

10.ปรอทพระขรรค์เพชร

.

เบ้าพิเศษเพื่อปรอทเม็ดพิเศษ

ปรอทแต่ละเม็ดที่ถูกนำมาเรียงร้อยกันบนแหวนปรอทสรรพสิทธินี้ ถูกหุงขึ้นมาจากเบ้าขนาดจิ๋วพิเศษ ที่พระอาจารย์โอสั่งทำขึ้นมาเพื่อหุงปรอททั้ง10ชนิดโดยเฉพาะ กรรมวิธีในการหุงก็พิเศษเช่นกัน คือพระอาจารย์โอต้องนำเบ้าขนาดจิ๋วใส่ลงไปในเบ้าขนาดใหญ่ก่อนปิดฝาด้วยเบ้าขนาดกลางแล้วพอกพอกด้วยเครื่องยาก่อนนำลงเตา

ด้วยเหตุว่าพระอาจารย์โอต้องการให้ ลายใยแมงมุม อันเป็นเอกลักษณ์ของปรอทกายสิทธิ์ยังปรากฏให้เห็นอยู่นั่นเอง ซึ่งหากนำปรอทเม็ดใหญ่ไปเจียระไนให้เล็กลง ลายใยเหล่านั้นก็จะหายไปไม่ปรากฏให้เห็นเช่นนี้

แหวนปรอทสรรพสิทธิจึงถือว่าเป็นแหวนที่ทรงศิลป์ ทรงคุณค่า และทรงเอกลักษณ์ของศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุไว้อย่างแท้จริง

1.ปรอทฤาษีนารอท

‼กายสิทธิ์อันมีฤทธิ์ขวางวิบากกรรม‼

“ปรอทเพชร” เป็นวิชาของปู่ฤาษีนารอท จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ปรอทฤาษีนารอท” ปรอทชนิดนี้สามารถใช้อมได้กลืนได้ ดังนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะสำเร็จปรอทชนิดนี้ในปัจจุบัน ต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญแตกฉานในเรื่องของว่านยา, วิชาอาคม และวิชาธาตุชั้นสูง จึงสามารถแปรธาตุธาตุให้มีคุณจนมนุษย์สามารถกินได้

เป็นปรอทที่ใช้มีคุณวิเศษในการบำบัดรักษาโรค กันโรคภัยไข้เจ็บ คุ้มครองป้องกันภูติผีปีศาจ คุณไสย์ คุณผี คุณคน ยาพิษ ยาสั่งทั้งปวง ขับพิษร้ายออกจากร่างกาย ทั้งยังช่วยให้อายุยืนยาวอีกด้วย ใช้แช่น้ำอธิษฐานให้เป็นน้ำมนต์ประพรมได้ตามแต่ปรารถนา

เป็นปรอทที่ทำได้ยากยิ่ง แม้กระนั้นพระอาจารย์โอก็พากเพียรอุตสาหะทำจนสำเร็จ เพราะ

“ต่อให้เหน็ดเหนื่อยสักเพียงไหน

 ร่างกายจะเมื่อยล้าสักเพียงใด

 ก็ไม่ท้อใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งปรอทเพชร

 แม้สำเร็จแค่เพียง1เม็ด ก็คุ้มค่าที่จะทำ

 เพื่อช่วยขจัดวิบากกรรมแก่ผู้ทุกข์ระทมจากโรคภัย”

2.แก่นปรอท

‼พ้นจากความตายแล้วกลายเป็นอมตะ‼

เป็นของวิเศษที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว ถือเป็นปรอทกายสิทธิ์ที่มีพลานุภาพมาก เป็นธาตุที่มีความแปลกพิสดารเพราะขนาดกับน้ำหนักนั้นไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าใดนัก แก่นปรอทบางก้อนที่มีขนาดเท่านิ้วก้อย แต่มีน้ำหนักถึงครึ่งกิโลกรัมก็มี

"แก่นปรอท" ถือเป็นแก่นแห่งสภาวะธรรมอันบริสุทธิ์ ก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่ง มีคำกล่าวในวิชากรรมปีระลอกี่ว่า “หนึ่งในของวิเศษสามสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ที่สามารถทำให้แม้แต่เทพเจ้ายังต้องแลมองลงมา คือ 1.แก่นปรอท 2.แก่นกำมะถัน 3.แก่นตะกั่ว สามสิ่งนี้หากใครได้ครอบครอง จักพ้นจากความตายแล้วกลายเป็นอมตะ"

เหล่านักมายิกพ่อมดโบราณล้วนเสาะแสวงหากันมาทุกยุคทุกสมัย ปรารถนาสิ่งใดอธิษฐานเทพยาดาย่อมประสิทธิ์ประสาทพรให้เป็นแน่แท้ พระอาจารย์โอต้องใช้ความเพียรวิริยะ มวลสารมหาศาลเกินจะประมาณ ผ่านการหุงด้วยไฟนับไม่ถ้วน เผาจนแล้วเผาอีกกว่าจะสำเร็จได้ปรอทที่เล็กและบริสุทธิ์ อานุภาพเกินจะพรรณา เพราะจากปรอทปริมาณ2,000กรัม จะเหลือแก่นปรอทเพียง20กรัมหรือน้อยกว่านั้น

3.ปรอทมหาวิเศษ

‼พระพุทธคุณอันวิเศษจากธาตุกายสิทธิ์‼

ปรอทมหาวิเศษ เชื่อกันว่าเป็นดั่งตัวแทนของคุณพระพุทธเจ้า ปรอทชนิดนี้เป็นปรอทที่หาคนทำได้สำเร็จยากมาก เพราะมีกรรมวิธีการเตรียมการและใช้เวลาในการเผาค่อนข้างนาน แม้แต่กระทั่งในประเทศพม่าเองก็ตามก็ยังหาคนทำสำเร็จได้ยาก เนื่องจากการจะเผาปรอทมหาวิเศษนั้น ต้องนำปรอทไปดองไว้ในน้ำยาตามสูตรเฉพาะ พร้อมด้วยแร่มหาวิเศษต่างๆตามตำราวิชาสายพม่า ซึ่งแร่หลายๆตัวคนไทยมักจะเรียกว่า "เหล็กไหล” ดองจนกว่าปรอทกับแร่มหาวิเศษต่างๆจะกินกันหมดได้ที่แล้วจึงค่อยนำปรอทนั้นมาเผาต่ออีกทีหนึ่ง ด้วยกรรมวิธีขั้นตอนอันซับซ้อน พระอาจารย์โอจึงต้องใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะทำปรอทมหาวิเศษนี้สำเร็จได้ตามตำรา เป็นปรอทชั้นสูงที่จะแผ่พุทธบารมีปกป้องดูแลรักษาผู้เป็นเจ้าของให้เจริญรุ่งเรืองไม่ตกสู่อบาย

4.ปรอทแหม่ต่อ

‼เสน่ห์โชคลาภเหนือชั้นกว่าปรอทใดๆ‼

ปรอทแหม่ต่อ เชื่อกันว่าเป็นดั่งตัวแทนของคุณพระธรรม เพราะ "องค์แหม่ต่อตู่ระตะตี่" นั้นตามตำนานกล่าวว่า นางแหม่ต่อตู่ระตะตี่นี้เป็นนางที่บริสุทธิ์และมีจริยวัตรที่ขาวสะอาด อยู่ในศีลในธรรม มีผู้มอบหมายให้นางอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระพุทธองค์มาเผยแพร่ที่ประเทศพม่า และยังเป็นผู้รักษาคัมภีร์พระธรรมตามตำราศาสตร์ไก่ต่อจี่อีกด้วย

ปรอทแหม่ต่อ เป็นปรอทกายสิทธิ์ชั้นสูงที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านเสน่ห์และโชคลาภค้าขายยอดยิ่งกว่าปรอทใดๆ เป็นหนึ่งในปรอทที่เผาได้ยากที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับการเผาปรอทชนิดอื่นๆ เนื่องจากปรอทแม่ต่อนี้ ถ้าเผาได้ก็ได้ ถ้าเผาลงก็ลง ถ้าเผาไม่ลงก็คือไม่ลง ถ้าเผาแล้วสู้ไฟก็ต้องสู้กับไฟ คณาจารย์ผู้เล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่มักจะท้อแท้กับการเผาปรอทแม่ต่อ เพราะส่วนมากปรอทจะหนีหายหมดแทบไม่หลงเหลืออยู่ในเบ้า จึงถือได้ว่าใครเผาปรอทแหม่ต่อสำเร็จได้นั้นจะได้รับการยกย่องกล่าวขานให้เป็น “เซียนปรอท” พระอาจารย์โอกล่าวว่าช่วงแรกๆที่เผาปรอทแหม่ต่อนั้น บางทีใช้ปรอทน้ำหนัก10กิโลมาเผา แต่สุดท้ายเหลือปรอทอยู่ในเบ้าเพียงเม็ดข้าวสารหักครึ่งก็มี จึงถือได้ว่าเป็นปรอทที่ต้องอาศัยความเพียรพยายามมากกว่าจะทำได้สำเร็จซักเม็ดหนึ่ง

5.ปรอทจักรพรรดิ์

‼แก้ววิเศษ3ประการจากปรอทกายสิทธิ์ทั้ง3ชนิด‼

“ปรอทจักรพรรดิ” อันหมายถึงพระรัตนตรัย แก้ววิเศษ3ประการ จะต้องประกอบไปด้วยสุดยอดปรอทกายสิทธิ์ทั้ง 3 ชนิดอันได้แก่ 1.ปรอทมหาวิเศษ 2.ปรอทแหม่ต่อ 3.ปรอทยา ซึ่งปรอทแต่ละชนิดนั้นกว่าจะสำเร็จได้ซักเม็ดหนึ่งก็เรียกได้ว่ายากยิ่งแล้ว แต่การจะหลอมรวมปรอททั้ง3ชนิดให้เข้ากันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์นั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่ามากนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งยวด เพราะหากว่าผู้กระทำไม่ชำนาญจริง เมื่อนำปรอททั้ง3ชนิดมาหลอมรวมกันอาจจะเกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้กระทำได้ อาทิเช่น เตาระเบิดบ้าง, เบ้าแตกบ้าง หรือปรอทหนีบ้าง ดังนั้นแล้วการจะเผาปรอททั้ง3ชนิดรวมกันให้บังเกิดเป็น “ปรอทจักรพรรดิ” ผู้กระทำจึงต้องเป็นผู้ที่เข้าใจในศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุและเข้าใจหลักการทางจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง ต้องทำวัตรสวดมนต์ก่อนแล้วจึงสรงน้ำพระ เสร็จแล้วจึงสรงน้ำเตาเผาปรอทและจัดเครื่องบูชาดอกไม้บูชาครูเตา ซึ่งกิจวัตรเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงก่อให้เกิดเป็นตบะบารมีเดชะอำนาจ โดยเทวดา, คนธรรพ์ หรือเหล่าเพชรพญาธรจะคร้ามเกรงและไม่กล้าที่จะเข้ามาแย่งปรอทหรือวุ่นวายในขณะที่เผาปรอทอยู่นั่นเอง

นอกจากนี้การนำปรอททั้ง3ชนิดมาหลอมรวมกันได้นั้น จะต้องมีฤกษ์มีวันมงคลเฉพาะคือวันพระขึ้น15ค่ำ เพราะเชื่อกันว่าในวันนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ประกอบด้วย 1.ท้าวธตรฎฐ์ 2.ท้าววิรุฬหก 3.ท้าววิรูปักษ์ 4.ท้าวกุเวร ( ท้าวเวสสุวรรณ ) พร้อมบริวารทั้งแปดหมื่นเก้าแสนโกฏิจะทรงมาร่วมปกปักษ์รักษา ให้การเผา “ปรอทจักรพรรดิ” นั้นสำเร็จไปได้ด้วยดีบริบูรณ์ และในขณะที่พระอาจารย์โอกำลังเผา ”ปรอทจักรพรรดิ” ชุดนี้อยู่ที่พุทธสถานวิหารพระธรรมราช พระอาจารย์โอก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ผู้เจริญมาสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรอีกด้วย

6.ปรอทเหล็กเพชรรัตน์จักกระวาล

‼กายสิทธิ์จากขุมพลังแห่งจักรวาล‼

อาจารย์ครั้งโบราณกล่าวว่าหากปรารถนาความร่ำรวยทันตาเห็นให้บรรลุปรอทสามอย่าง

หนี่ง คือ ปรอทสุวรรณนพคุณ

สอง คือ ปรอทเหล็กเพชรรัตน์จักกระวาล

สาม คือ ปรอทสรรพยาแก้วจินดาโชติ

ผู้ใดได้ครอบครองสามสิ่งนี้ สิ่งใดสมจิตคิดจักได้ดั่งปองต้องประสงค์

เป็นปรอทที่สำเร็จจากเหล็กพิเศษทั้ง๑๘ชนิด พระอาจารย์โอต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะและเวลาเพื่อเสาะแสวงหาสะสมเหล็กพิเศษให้ครบตามตำรามายาวนาน อาทิเช่น เหล็กไหลตัวผู้, เหล็กไหลตัวเมีย, เหล็กทางกุ้ง, เหล็กละลายตัวอันหาประกายมิได้, เหล็กไข่ปูตัวผู้, เหล็กไข่ปูตัวเมีย, เหล็กไข่มด, เหล็กสังฆะติ, เหล็กกาฬ, เหล็กเจ้า, เหล็กมูล และของหายากอีกมากมาย

ซึ่งแท้จริงแล้วในตำราระบุไว้เพียง๑๗ ชนิด ใครหาได้ครบก็ถือว่ามีวาสนามากแล้ว แต่เนื่องด้วยพระอาจารย์โอตั้งใจไว้ว่าไหนๆจะทำปรอททั้งที ขอทำให้สุดฝีมือ จึงพากเพียรตรากตรำรอคอยเหล็กชนิดที่18มานานแสนนานกว่าจะได้มา คือ "เหล็กไหลจักกระวาล"(ดาวตกเหล็ก)หรือผีพุ่งใต้ เป็นของที่บูรพาจารย์แต่โบราณจักเก็บรักษาไว้อย่างหวงแหน และเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการสร้าง “อาวุธวิเศษ” ในที่สุดจึงบรรลุสมสำเร็จการเป็น "ปรอทเหล็กเพชรรัตน์จักกระวาล" เพื่อเป็นการเผยแผ่ศาสตร์แห่งวิริยะภาคภูมิ สืบไว้ให้อณุชนได้เห็นเป็นบุญตา กระทำได้ไม่มากเพราะต้องอาศัยความพอดีในหลายๆอย่าง อาทิเช่น

1.เวลาไม่ขลุกขลักรีบเร่ง จึงทำไปด้วยความยินดีและมุ่งมั่นใจ

2.ฤกษ์ผานาทีแห่งเพชฌฆาตฤกษ์ พิชิตทุกฤกษ์

3.บุคคลผู้กระทำเป็นผู้มีบุญวาสนาสั่งสมมาและอยู่ในช่วงดาวพฤหัสส่งผล ซึ่งถือเป็นช่วงสูงสุดในชีวิตของคนนั้นๆจึงสามารถหุงปรอทชนิดนี้ได้ เพราะถ้าดวงอ่อนจักต้านทานอำนาจมิได้และมีอันเป็นไป

4.ของแต่ละอย่างล้วนหายากยิ่ง จักได้มาครอบครองจนครบตำราจึงต้องมีวาสนามากและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล็กชนิดที่๑๘ คือ “เหล็กไหลจักกระวาล” ก็ได้มาด้วยความไม่คาดหมาย ราวกับว่าการหุงปรอทชนิดนี้ฟ้าประทานมาให้สำเร็จ เพราะเห็นแก่ความเพียรพยายามที่รอคอยมานานแสนนาน

7.ปรอทเพชรบุรี

‼ปรอทจากแม่น้ำโอชารส‼

ว่ากันว่าแม่น้ำเพชรบุรีเป็นแม่น้ำที่มีรสชาติอร่อย จึงเป็นน้ำทรงเสวยของหลายๆรัชกาล อย่างเช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงติดพระทัยน้ำในแม่น้ำเพชรที่จังหวัดเพชรบุรี ไม่ว่าจะเสด็จไป ณ ที่ใด จะต้องมีมหาดเล็กนำน้ำเพชร อันเป็นน้ำเสวยติดไปด้วยเสมอ นอกจากนี้ในแม่น้ำจะมีแร่ปรอทอยู่ คนพื้นที่จะเรียกปรอทชนิดนี้ว่า “ปรอทสำเร็จเพขรบุรี” เป็นปรอทที่หายากยิ่งเพราะในปีหนึ่งจะงมเจอแค่ไม่กี่ก้อนเท่านั้น

แค่การหาปรอทเพชรบุรีก็ว่ายากแล้ว พระอาจารย์โอยังต้องนำมาล้างมาบ่มกร่างสะตุเข้าว่านยาและธาตุต่างๆให้เกิดกายสิทธิ์ ผ่านกรรมวิธี, เวลาและทุนทรัพย์มากมายในการทุ่มเทกว่าจะได้มา

8.ปรอทมหาสำเร็จ

‼ปรอทของบูรพาจารย์ผู้ล่วงลับ‼

สมัยก่อนนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะนิยมทำปรอทกันแต่จะไม่ทำจำนวนมากแค่ท่านละเม็ดเท่านั้น เพราะหวังความสำเร็จจากกายสิทธิ์ ว่ากันว่าปรอท 1 เม็ดกว่าจะสำเร็จนั้นต้องใช้ความเพียรพยามอย่างมากในการทำทั้งเวลาและทุนทรัพย์มากมายนานนับเดือนนับปีหรือทั้งชีวิตของท่านเลยทีเดียว เหตุเพราะหวังความเป็นกายสิทธิ์นั้นช่วยให้ผู้ครอบครองเป็นอมตะ (ทางโลกคือมีอายุยืนมีอริยะทรัพย์ ทางธรรมคือบรรลุธรรมขั้นแต่โสดาขึ้นไปยังอรหันต์) เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของบรรพชนที่สืบทอดมายังอนุชนรุ่นหลังไว้ให้ศึกษา

ที่มาปรอทมหาสำเร็จนี้ มาจากว่าวันหนึ่งพระอาจารย์โอได้รับปรอทมา1เม็ด เป็นของ “หลวงตาสิน” ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าท่านหนึ่งที่ชื่นชอบศาสตร์วิชาการเล่นแร่แปรธาตุ ขณะที่หลวงตาสินยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้ใช้เวลาทั้งชีวิตหุงปรอทเม็ดนี้จนถึงวันสุดท้ายของท่านแต่ก็ยังไม่สำเร็จ เมื่อพระอาจารย์โอได้รับตกทอดมาจึงนำมาหุงต่ออยู่หลายปีจนสำเร็จเป็น “ปรอทมหาสำเร็จ”

9.ปรอทรวม

‼สารพันปรอทสรรพคุณ108‼

เป็นปรอทชนิดต่างๆที่หนีออกจากเบ้าขณะพระอาจารย์โอหุงปรอทอยู่ ปรอทที่หนีไปนี้มักไปเกาะแอบอยู่ตามที่ต่างๆในบริเวณที่หุงปรอท ทุกละอองเรณูของปรอทที่หนีไปถือว่ามีค่ามากเพราะกว่าจะนำมาหุงได้ก็ต้องผ่านกรรมวิธีมากมายเสียทั้งเวลาและทุนทรัพย์มหาศาล พระอาจารย์โอจึงต้องคอยตามเก็บอยู่เสมอๆ ซึ่งบางครั้งกว่าจะตามเก็บได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียว จึงถือว่าปรอทรวมนี้มีปรอททุกชนิดที่พระอาจารย์โอเคยสร้างออกมา มีฤทธิ์108ประการมีค่าควรเมือง

10.ปรอทพระขรรค์เพชร

‼โบกไปในนภาแล้วคำปรารถนาจะเป็นจริง‼

ปรอทพระขรรค์เพชร ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งปรอทที่เหล่านักสิทธิ์และผู้เล่นแร่แปรธาตุต่างเฝ้าฝันถวิลหาว่าอยากทำให้สำเร็จสักครั้ง อาจเป็นเพราะมีตำนานขานไว้ว่า “เมื่อปรอทพระขรรค์เพชร ได้สำเร็จครบขั้น 13 ให้แปรเป็นพระขรรค์ผิวเงางาม มีฤทธิ์วิเศษเหนือจินตนาการ หากปรารถนาสิ่งใดก็ตาม ให้อธิษฐานชูขึ้นโบกในนภา จักได้มาเร็วไวดั่งสายลม”

เป็นปรอทอีกชนิดนึงที่ทำได้ยากมาก แค่เฉพาะขั้นตอนการเตรียมปรอทเพื่อทำปรอทพระขรรค์เพชรนั้น ยังกินเวลาถึง 3 ปี และกว่าปรอทนั้นจะสำเร็จเป็นปรอทพระขรรค์เพชร ขั้นปฐมะ ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปีจึงสำเร็จ ใช้ลูกลำโพงไปมากมายมหาศาล ถึงขนาดต้องให้ลูกศิษย์ช่วยปลูกดูแลต้นลำโพงโดยเฉพาะถึง 3 คนเลยทีเดียว

‼ขั้นตอนการทำและคุณวิเศษของปรอทพระขรรค์เพชรพอสรุปได้พอสังเขปดังนี้:‼

“เมื่อได้ปรอทที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จึงนำมาปั้นให้เป็นก้อนกลมก่อนเอาลูกลำโพงกาสลักมาควั่นเอาจุกออก แล้วเอาเมล็ดในลูกลำโพงออก นำเมล็ดมาตำให้ละเอียดแล้วเอาไว้ในก้นลูกลำโพงนั้น แล้วจึงเอาปรอทใส่ลงไป แล้วเอาลูกลำโพงมาตำคั้นเอาน้ำเตรียมไว้ แล้วเอาไปตั้งในไฟอ่อนๆแล้วเติมน้ำลำโพงไปเรื่อยๆคอยเติมใส่ในลูกลำโพงทีละนิด ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง พอลูกลำโพงเริ่มไหม้เกรียมแล้วก็ให้เปลี่ยนลูกใหม่ ทำซ้ำอย่างเดิมให้ได้สามสิบลูก ปรอทจะแข็งตัวดี แล้วจึงเอาสุมด้วยลูกลำโพงอีกให้ครบ 1,000 ลูก แล้วจึงนำปรอทที่ได้ใส่ในเบ้าดินแล้วจึงสุมไฟให้แดงเทียมทานแล้วนำขึ้นมาชุบน้ำเหล้าสลับไปมา 50 ครั้ง แล้วเปลี่ยนมาชุบน้ำลำโพงสลับไปมาอีก 50 ครั้ง เมื่อสำเร็จขั้นตอนนี้แล้วเอาปรอทแช่น้ำเบญจรสจากสมุนไพรที่มีรสชาติ 5 อย่าง แช่ไว้ 3 วันแล้วจึงเอาสำลีห่อปรอทก่อนเสกด้วยพระคาถาตามตำรา จึงสำเร็จเป็นปรอทพระขรรค์เพชร ขั้นปฐมะ ผู้ครอบคองจะเจริญอายุได้100 ปี กำลังได้ 2 ช้างสาร ดับโรคทั้งปวง เจริญด้วยเงินทองโชคลาภวาสนา ปรารถนาทรัพย์สมบัติหรือสิ่งใดให้อธิษฐาน หากมีวาสนาจักได้ ก็จักได้ กล่าวกันว่าหากนำไปแช่น้ำเบญจรสดื่มกินเป็นประจำ จะชำระปราณในตัวให้บริสุทธิ์ กลายเป็นผู้มีปัญญามาก มีสัมผัสรับรู้พิเศษ จนถึงขั้นสามารถระลึกชาติได้”

พอสวมในนิ้วแล้วช่างเจิดจรัญ #แหวนปรอทสรรพสิทธิ ของผู้ศรัทธางดงามและเปี่ยมด้วยพลังจริงๆ

อนุภาพของปรอทแต่ละชนิดนั้นวิเศษสุดบรรยาย ใครสนใจรายละเอียดอ่านในเว็บได้เลยจ้า

This Magical Ring is Really Shinning when wearing on Believer's finger.

#10MercuryHolyRing

The Special Attribute of 10 Mercury Holy Ring is hard to explain all, if you interesting please read information in website.

#แหวนปรอทสรรพสิทธิ ผู้ศรัทธานำไปจับเข้าตัวเรือนทองอย่างงดงาม

วงเดียวอยู่เหนือทุกวงอย่างแท้จริง มีวงเดียวไม่ต้องแสวงหาปรอทวิเศษที่ไหนอีกเลย เพราะนี่ก็คือที่สุดที่รวมไว้ในหนึ่งเดียวแล้ว

พุทธคุณใดๆเท่าที่คุณจะนึกออก คำอธิษฐานใดๆเท่าที่คุณจะกล่าวถึง แหวนหนึ่งวงนี้บันดาลให้คุณได้

อภิมหาแหวนวิเศษที่รวมปรอททั้ง10ชนิดไว้เป็นหนึ่งเดียว

“มีชัยทั้ง10ทิศ อิทธิฤทธิ์พิชิตเหนือโลกา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล หาใดปานวิเศษเท่าคงไม่มี”

#10MercuryHolyRing

Believer has changed design to make Gold Ring cover for all of 10 Mercurys. It is look so luxuary and splendid. “One Rings Beyond Others” can truely describe how invaluable of this 10 Mercurys ring.

The Special Attribute of 10 Mercury Holy Ring is hard to explain all, if you interesting please read information in website.

สวมเข้ากับนิ้วอย่างงดงาม ผู้ศรัทธาชาวต่างชาติชื่นชอบแหวนชุดพิเศษของพระอาจารย์โอมาก รอบนี้ยังมาบูชา #แหวนเหล็กไหลพุทธไลย์โกฏิ ไปเสริมเพิ่มอีกวง

Believer is really love every of Phra Arjarn O’s holy rings, this time she also chosse to worshipped “Put Tha Lai Kot Leklai Ring” for her own. Every Phra Arjarn O’s holy ring is invaluable thing that so much worth to have.

แหวนวิเศษที่เป็นดั่งยอดมงกุฏของซุปเปอร์ฮีโร่จอมพลัง 

This Ring's Power Like As The Crown Of Super Hero.