เบี้ยแก้เสาร์5, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

"เบี้ยแก้" สุดยอดเครื่องรางมหาปราบตำหรับหลวงปู่คง มีคุณทางแก้อาถรรพ์ไม่ดีต่างๆ ใช้พกพาติดตัวป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสย มนต์ดำ แช่น้ำอธิฐานทำน้ำมนต์ ประพรมร่างกายอาบดื่มรักษา อาการเจ็บป่วย จากอาถรรพ์ต่างๆ ใช้แตะถูปริเวณ ฟกช้ำบวม โดยไม่ทราบสาเหตุ แช่น้ำทำน้ำมนต์ประพรมบ้านเรือนป้องกันคุณผีคุณคน สารพัดพกติดตัวอธิฐานเมตตาโชคลาภ เข้าหาบุคคลผู้ใดให้เขาเมตตา ใช้ได้สารพัดตามแต่จะอธิษฐานเถิด เป็นของหายาก ทำได้ยาก ประเสริฐ นักหากใครได้เจอ

Beer Kae Sao 5 by Phra Arjarn O, Phetchabun.

The powerful amulet from the magical knowledge of Luang Pu Kong, . This amulet will protect the owner from wraith, ghost, and black magic. Can bring to soak in the water to make the normal water to be holy water for eat and wash body. It can be used to touch bruised body from unusual situation. Moreover, pray for your wish come true and charm also. This is the great amulet that nearly be the legend in this generation.

จัดสร้าง2ขนาด:

1. ขนาดใหญ่ (ทำจากหอยเบี้ยแก้, บูชา 600 บาท) ท้องเบี้ยจะมี "ตะกรุดโอฟ้าลั่น" ที่ดีเด่นด้านกำจัดคุณไสยกำราบผี มีพลานุภาพเด็ดขาดเป็นที่ฉมังนัก ภูติผีปีศาจหวาดเกรงดั่งคนขลาดได้ยินเสียงฟ้าร้องก็ขวัญหายใจเตลิดยังไงยังงั้น

2. ขนาดเล็ก (ทำจากหอยเบี้ยจั่น, บูชา 400 บาท)

There are 2 sizes made:

1. Big Size. (Monetaria Caputserpentis, Price 600 baht) There is a "Voice Of Thunder Takrud" that is very powerful to eliminate black magic & suppress bad ghost. This Takrud has decisive power to scare spirit like as the frightened person feel shocked the mighty voice of thunder.

2. Small Size. (Monetaria Moneta, Price 400 baht)

.

.

.

.

ปรอทอันร้อนแรงสำหรับสุดยอดเบี้ยแก้

ส่วนปรอทที่บรรจุในเบี้ยแก้เสาร์5 เป็นปรอทที่เหนือชั้นยิ่งกว่าปรอททั่วไป เพราะเป็นปรอทที่ผ่านขั้นตอนการชำระมลทินโทษจนบริสุทธิ์ และได้สะสมพลังไฟ "ปาปกะเตโช" จากกรรมวิธีการหุงปรอทแบบลับเฉพาะตามศาสตร์เอ็กกิ๊ยะเป็นระยะเวลานานมาก จึงพร้อมเผาผลาญทำลายล้างอาถรรพ์ร้ายทั้งปวงให้มลายสิ้นไม่เหลือซาก

ซึ่งโดยปกติแล้วการทำเบี้ยแก้ ใช้ปรอทน้ำที่ดักจากป่ามาปลุกเสกก็ได้ แต่ในครานี้พระอาจารย์โอเห็นว่า ปรอทดักธรรมดาอาจจะไม่เพียงพอต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไปพร้อมโรคภัยที่พัฒนาความร้ายกาจขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องพิถีพิถันคัดสรรสุดยอดปรอทแบบพิเศษที่สุดมาบรรจุไว้ในเบี้ย แม้จะยากยิ่งแต่ก็ต้องทำเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า ผู้ที่ได้บูชาไปจะได้ของดีไปใช้และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

Fiery Mercury For Awesome Beer Kae.

For the liquid mercury that was filled inside "Beer Kae Sao 5" is the super special mercury that superior than normal mercury at all. Because it is the alchemical mercury that already cleaned until it became nontoxic & pure. Moreover, this special mercury already collected & absorbed the power of fire named "Par Pa Ka Tey Cho" from the secret process of Aggiya (The Work Of Fire) for a long time until its firer power can destroy all of negative enigma to be pulverized immediately.

Normally, the normal making method of Beer Kae will use the mercury of natural place to fill inside but, this time Phra Arjarn O realized that natural mercury may not powerful enough due to the fast rate changing of globalization that come with more dangerous disease & disaster so, Phra Arjarn O decided to used special mercury to fill inside his Beer Kae. Even it is very difficult to do but, it is important in Phra Arjarn O's opinion because he has confidence that the devotees will get the holy Beer Kae which can save them from any danger.

ของดีคู่เบี้ยแก้มาช้านาน

เมื่อกรอกปรอทลงเบี้ยเรียบร้อย จึงอุดด้วย "ชันโรงเสก" ที่ผสมกับ "ผงเบญจวิเศษ" (ผงปถมัง,ผงมหาราช,ผงอิทธิเจ,ผงตรีนิสิงเห,ผงพุทธคุณ) โดยคติโบราณท่านถือว่านอกจากชันโรงจะช่วยปกปักรักษาของดีแล้ว ด้วยความที่ชันโรงเป็นแมลงไม่ดุร้าย จึงมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยมอีกด้วย ดังนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยม

A Pair To Beer Kae.

After the mercury was filled inside the shell, Phra Arjarn O closed it with "Chanrong" (Trigona laeviceps's nest.) that already mixed with "5 Holy Powders" (Pattamung, Maharart, Itthije, Trinisinghe, Putthakhun).

ยอดผงศักดิ์สิทธิ์ทรงอิทธิฤทธิ์ดั่งอุปคุตปราบมาร

หลังจากนั้นจึงพอกทับด้วยเครื่องยาที่หาได้ยากใช้เวลานานปีกว่าจะครบตามตำรา มี "ผงสัตตเขานวเขี้ยว" (ประกอบด้วย ผงเขาสัตว์ 7 ชนิด เช่น เขากวาง, เขาควาย, เขาวัว, เขาแกะ, เขากระทิง, เป็นต้น และผงเขี้ยวสัตว์ 9 ชนิด เช่น เขี้ยวเสือ, เขี้ยวหมี,เขี้ยวจระเข้, เขี้ยวหมู, เขี้ยวแรด และงาช้างเป็นต้น) ดิน7โป่ง7ท่า7สระ7เมือง ไคลเสมาเจดีย์ ดีเสือ ดีหมี ดีจระเข้ ดีนกออก ดีงูเห่าดีนกยูง กะโหลกลิง กระโหลกค่าง กระโหลกเสือ เล็บม้า กาบเต่า เกล็ดนิ่ม เล็บแรด จมูกเม่น ต้นขี้หมาขาว ต้นขี้พระเจ้า ต้นครอบจักกระวาล ว่านพระตะบะ และยามานาเวสสุวรรณ ยาเบื่อผี ยาถอนคุณ ตำยาในวันเพ็ญพุธ คือวันพุธขึ้น15คำ ที่ครูโบราณถือว่าเป็น "วันพระอุปคุตปราบมาร"

Powerful Powder As Upagupta Suppress Over Devil.

After that, "Beer Kae Sao 5" was covered with a lot of herb and special material that is rare and difficult to find followed the prescription of Beer Kae such as "7 Horns 9 Fangs Powder" (made from the horn of deer, buffalo, ox, sheep, bull and etc. mixed with the fang of tiger, bear, crocodile, wild boar, rhino, ivory and etc.) soil from 7 salt earths, 7 wharfs, 7 pools, 7 countries, holy powder from the head of pagoda, gallbladder of tiger, gallbladder of bear, gallbladder of crocodile, gallbladder of sea eagle, gallbladder of cobra, gallbladder of peacock, monkey skull, langur skull, tiger skull, horse nail, turtle bract, rhino nail, armadillo nose, white shit plant, god shit plant, galaxy plant, Phra Ta Ba herb, Vessuwan medicine, ghost strychnine and withdrawing medicine. Phra Arjarn O pounded these herb together on Full Moon Wednesday which necromancer believe that it is "The Day Of Upagupta suppress over Devil."

.

.

วิชากินสายฟ้าในตำนาน

พระอาจารย์โอได้จารเบี้ยแก้เสาร์5รุ่นนี้ด้วยสุดยอดชุดยันต์ที่สั่นสะท้านหัวผี จากวิชา "กินสายฟ้า" ในตำนาน เป็นอักขระพิเศษในวิชากินสายฟ้าที่มีพุทธคุณทาง "ตบะอำนาจสูงมาก" พระอาจารย์โอร่ำเรียนมาจาก “อาจารย์เล็ก เฮกังกิง (อาจารย์ผจญ น้อยรอด)” วิชานี้อาจารย์เล็กเล่าให้พระอาจารย์โอฟังว่า แกได้มาโดนบังเอิญได้มาในตอนที่ไปนั่งภาวนาใต้ต้นไม้ แล้วเกิดฟ้าผ่าลงมา เป็นวิชาที่อาจารย์เล็กหวงแหนที่สุดวิชาหนึ่ง จึงไม่มีใครได้เรียนสืบทอดนอกจากพระอาจารย์โอแต่เพียงผู้เดียว

Eat Thunder, The Legendary Magic.

Phra Arjarn O wrote the special magical alphabet (Yant) on "Beer Kae Sao 5" from the legendary subject named "Eat Thunder" that is superb & strong in case of "Penance & Authority". Phra Arjarn O studied from “Arjarn Lek Hekungking (Arjarn Pajon Noirort)”. During Arjarn Lek still alive, her has ever told Phra Arjarn O that he got this magic subject while he was sitting and praying under the tree until there was the thunderbolt lightened down. It is one of the most cherish magic that Arjarn Lek never taught anyone except Phra Arjarn O.

"ตะกรุดโอฟ้าลั่น" ที่ดีเด่นด้านกำจัดคุณไสยกำราบผี มีพลานุภาพเด็ดขาดเป็นที่ฉมังนัก ภูติผีปีศาจหวาดเกรงดั่งคนขลาดได้ยินเสียงฟ้าร้องก็ขวัญหายใจเตลิดยังไงยังงั้น

"Voice Of Thunder Takrud" that is very powerful to eliminate black magic & suppress bad ghost. This Takrud has decisive power to scare spirit like as the frightened person feel shocked the mighty voice of thunder.

ฤกษ์เสาร์5มหามงคล

ปลุกเสกในฤกษ์เสาร์5 (วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2563) ตามคติความเชื่อของโบราณเชื่อว่า ดาวเสาร์เป็นดาวแห่งความเข้มแข็ง และมีพลังมาก ถ้าทำอะไรผลประโยชน์ก็จะได้มาก หากมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า ซึ่งเป็นฤกษ์ที่เป็นมงคล และดีเลิศทุกอย่าง วัตถุมงคลในพิธีจะมีพุทธคุณด้านคงกระพัน และแคล้วคลาด มากกว่าวันปกติ

สำหรับพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในฤกษ์เสาร์5ปีนี้ ถือว่าอลังการยิ่งกว่าปีไหนๆเพราะพระอาจารย์โอท่านได้ขออัญเชิญองค์ปู่ใหญ่เหวัชระปรเมศวร มหาไตรโลกาธิบดีผู้ทรงทำหน้าที่เป็น "ยิดัม" คอยปกป้องพิทักษ์พุทธศาสนา มาเป็นองค์ประธานในพิธี สายสิญจน์ที่เป็นดั่งสะพานเวทย์มนตร์ถูกเชื่อมโยงจากองค์ท่านไปสู่วัตถุมงคลทุกๆชิ้น

นอกจากนี้พระอาจารย์ท่านยังได้นำสุดยอดกลเม็ดเคล็ดลับแห่งวาโยศาสตร์จาก "วิชากักลมอัสมิตา" ที่ท่านอาจารย์ อัตถนิชย์ โภคทรัพย์ (Atthanij Pokkasab) เป็นผู้เผยแผ่ มาผนวกร่วมกับการปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งนี้ด้วย

โดยพระอาจารย์ท่านได้ใช้วิชากักลมอัสมิตานี้ในการทรงอารมณ์จับเอาบาทฐานแห่งองค์อานาปานสติภาวนามัย ตามหลักการปฏิบัติทางจิตของพุทธศาสนาในนิกายสรวาสติวาทตันตระวัชรยาน เพื่ออธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 27 มีนาคม ถึงเวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่งของวันที่ 28 มีนาคม 2563 พระอาจารย์โอจึงกล้าการันตีว่ารุ่นนี้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

Sao 5 So Powerful.

Blessing ceremony on auspicious time "Sao 5" (March 28, 2020) According to the ancient belief, Saturn is the planet of impregnability and power so, whatever ceremony happen in “Sao 5” day will be very powerful and effective rather than general days. This auspicious time will make amulets have more power in case of invulnerability and protection.

For the blessing ceremony on "Sao 5" this year is very special, Phra Arjarn O specially invited the power of "Hevajra (Pramasuan)" or "Yidams" to bless every piece of amulet in the ceremony. Moreover, Phra Arjarn O also used holy spell to bless this coin together with the special breathing meditation technique named "Asmita" that "Arjarn Atthanij Pokkasab" is the person who pass on this knowledge. Therefore, Phra Arjarn O guaranteed that this "Beer Kae Sao 5" including others amulet in "Sao 5" ceremony are very powerful likes never happened before.

.

.

.

.

อุปเท่ห์และเคล็ดการใช้แบบพิเศษ:

ตามตำราว่าหากจะนำเบี้ยแก้อาราธนาทำน้ำมนต์ ให้หาถ่านมาหนึ่งก้อน หรือมีดหนึ่งเล่ม แล้วจึงนำเบี้ยแก้เสาร์5 (จะเลี่ยมหรือไม่เลี่ยมก็ได้) วางไว้บนถ่านหรือมีด แล้วจึงนำน้ำรดลงไป น้ำที่ไหลผ่านเบี้ยแก้ จะสำเร็จเป็นสุดยอดน้ำพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์พร้อมใช้ในทันที ว่ากันว่าแม้ภูติผีตัวใดที่เฮี้ยนเก่งเกินจะไล่ "โดนเข้าไปถึงกับตายรอบสอง"

Artifice & Special Using Method:

In the original magic scripture stated that if the owner want to use this Beer Kae for making special holy water. The owner can place this Beer Kae on a piece of "Charcoal" or "Knife" and then use water shower through them. That water will become powerful holy water instantly that even the strong ghost can be killed and died for the second time.

.

.

.

.

เกร็ดความรู้เรื่องหอย

"หอยเบี้ยแก้" หรือ "หอยเบี้ยหัวงู" เป็นหอยทะเลเปลือกเดียวชนิดหนึ่ง มีเปลือกหนา เปลือกเป็นรูปครึ่งทรงกลมด้านล่างแบนด้านหลังโค้งนูน ด้านข้างแผ่ออกเป็นฐาน มีช่องเปิดปากอยู่ทางด้านข้างเป็นร่องยาว มีฟันที่ขอบทั้งสองข้างไม่มีฝาปิด พื้นผิวด้านบนมีสีน้ำตาลแต้มด้วยจุดขาวเล็ก ๆ กระจัดกระจาย พบได้ทั่วไปในแถบอินโด-แปซิฟิก เช่น ทะเลแดง, มหาสมุทรอินเดีย, ทะเลฟิลิปปิน จนถึงออสเตรเลีย ในน่านน้ำไทยพบตามบริเวณที่มีปะการังในเขตน้ำตื้นไปจนถึงบริเวณที่เป็นร่องน้ำและน้ำค่อนข้างลึกได้ถึง 200 เมตร กินสาหร่ายและตะไคร่น้ำเป็นอาหาร มีความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร

เป็นหอยที่คนโบราณใช้เป็นของขลังทางไสยศาสตร์เหมือนหอยเบี้ยจั่น ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน โดยนำไปบรรจุปรอทแล้วเปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่าช่วยป้องกันคุณไสยต่าง ๆ ได้ และปัจจุบันยังใช้เป็นของสะสมของผู้ที่นิยมสะสมเปลือกหอยด้วย โดยปกติแล้วเป็นเปลือกหอยที่มีราคาไม่แพง แต่ในตัวที่สวย เช่น มีสีดำสนิทแผ่ออกไปอย่างมากและมีแต้มสีแดงสดหรือมีสีเขียวระยิบระยับที่ปากขอบ จะมีราคาที่แพงมาก

"หอยเบี้ยจักจั่น" หรือ "หอยเบี้ยจั่น" เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิดหนึ่ง มีเปลือกแข็ง ผิวเป็นมัน หลังนูน ท้องแบน ช่องปากยาวแคบและไปสุดตอนปลายทั้ง 2 ข้าง เป็นลำราง ริมปากทั้ง 2 เป็นหยักคล้ายฟัน ไม่มีฝาปิด มีความยาวประมาณ 12-24 มิลลิเมตร มีถิ่นแพร่กระจายอยู่ในทะเลเขตอบอุ่นทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย อาทิ ทะเลแดง อินโด-แปซิฟิก นอกชายฝั่งทะเลด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกากลาง ชายฝั่งทะเลทวีปแอฟริกาตอนตะวันออกและใต้ ทะเลอันดามัน อ่าวไทย ทะเลญี่ปุ่น ไปจนถึงโอเชียเนีย ดำรงชีวิตอยู่ตามแนวปะการังใกล้ชายฝั่ง กินอาหารจำพวกแพลงก์ตอนและสาหร่ายทะเลที่ลอยมาตามกระแสน้ำ

เปลือกหอยของหอยเบี้ยชนิดนี้ มีความสำคัญต่อมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนเงินตราในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าคำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทยก็เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "รูปี" ซึ่งเป็นหน่วยเงินตราของอินเดียมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังใช้เป็นเครื่องรางของขลังในวัฒนธรรมไทย โดยมักนำไปบรรจุปรอทแล้วเปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า ถ้าพกเปลือกหอยเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางสัญจรในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกันและแก้ไขภยันอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ หรือนำไปตกแต่งพลอยเรียกว่า "ภควจั่น" ในเด็ก ๆ เชื่อว่าช่วยป้องกันฟันผุ หรือพกใส่กระเป๋าสตางค์ เชื่อว่าทำให้เงินทองไหลเทมาและโชคดี

Interesting Shell Story.

"Monetaria caputserpentis", common name the serpent's-head cowry or snakehead cowry, is a species of cowry, a sea snail, a marine gastropod mollusk in the family Cypraeidae, the cowries.

This species occurs in the Red Sea, Indian Ocean, tropical Indo-West Pacific, Australia and the Philippines. This sea snail lives on corals, rock reefs and rocky shores from the intertidal zone down to depths of 200 m.

The basic color of the shell is reddish-brown, with many whitish dots on the top of the dorsum, which sometimes shows a clear longitudinal line. The underside is light beige.

"Monetaria moneta", common name the money cowry, is a species of small sea snail, a marine gastropod mollusk in the family Cypraeidae, the cowries.

This species is called "money cowry" because the shells were historically widely used in many Pacific and Indian Ocean countries as shell money before coinage was in common usage.

The shell is still used in divination rituals in some African religions. In the State of Kerala, in India, special money cowry shells (which are known in Malayalam as Kavidi) are used for divination as part of Hindu astrology, as Prashnam. For Prashnam, 108 shells of Monetaria moneta are rotated a number of times and the blessings of God and one's Guru are invoked. A portion of the Kavadis are separated and counted to find out the ruling planet at that time. The results of the Prasna horoscope (a horoscope formulated at the time of arrival of the persons) are compared with the results of the Prasnam, and the predictions are pronounced on that basis.

.

.