สีผึ้งพรหมลิขิต, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
"สีผึ้งที่จะช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆในชีวิต เหมือนดั่ง พระพรหมธาดา ผู้ลิขิตชีวิตได้มาประทานทางเลือกช่วยเหลือแด่ผู้ศรัทธาด้วยตัวท่านเอง"
สืบเนื่องมาจาก พระอาจารย์โอมีลูกศิษย์อยู่ท่านหนึ่ง เป็นศิษย์เก่าแก่ ไม่เคยคิดคดหักหลังแม้แต่ครั้งเดียว อยู่มานานสิบกว่าปี ได้เล่าเรียนกับพระอาจารย์แทบทั้งหมด ทั้งทางเวทย์ ทางธรรมปรมัตถ์ ทางปฏิบัติ นับได้ว่าสรรพวิชาเกือบทั้งหมดได้เล่าเรียนไป จนแตกฉาน แต่ถึงกระนั้นอันวิบากกรรมแต่กาลก่อน ทำให้ชีวิตยังไม่ราบรื่นตามวิสัยปุถุชนที่ยังต้องขวนขวายดิ้นรนอยู่มิสู้จะสบายนัก
สรรพวิชาทั้งหมดที่พระอาจารย์โอมีได้ลง ช่วยศิษย์คนนี้อย่างเต็มที่จนได้เกือบทุกอย่างดั่งหวัง และเป็นที่กล่าวขานมีชื่อเสียงพอควร แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการที่จะสนองกิเลสของมนุษย์ ได้ ครูบาอาจารย์ของพระอาจารย์โอที่ท่านร่ำเรียนมาไม่น้อยกว่า72อาจารย์สรรหามาเสกสร้างวัตถุเครื่องรางมาก็มากมาย รุ่นแล้วรุ่นเล่าจนมีชื่อเสียงขจรขจาย แต่ศิษย์คนนี้จะใช้ได้แต่ช่วงแรกๆเพราะวิบากเก่ามันส่งผลแรงกล้าเหลือเกิน แม้นผู้คนอื่นๆที่ใช้ได้จน ชีวิตพลิกผันดีขึ้นมากมาย แต่จะไม่แน่นอนกับศิษย์คนนี้จะใช้ดีใช้ได้อยู่ไม่นานจะมีเหตุให้ของหายบ้างของแตกพังชำรุดบ้างเป็นอยู่อย่างนี้ตลอด จึงจะเห็นได้ว่าพระอาจารย์ไม่เคยหยุดเลย ในเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา จึงก่อเกิดสารพัดวัตถุเครื่องรางมากมาย
พระอาจารย์โอท่านมีความวิริยะอย่างมากที่จะตีโจทน์นี้ให้แตกให้ได้ จึงพากเพียรไม่หยุดหย่อน จะอาจด้วย อิทธิบาทสี่ที่เต็มเปียม ไม่ลดละไม่ท้อถอยของพระอาจารย์ เลยเป็นเหตุให้เหล่าเทพเทวา ต้องมาแสดงนิมิตชี้ทางสว่างให้ เรื่องมีอยู่ว่าเริ่มจากมีบุคคลคนหนึ่ง มาหาพระอาจารย์โอในยามดึก มาสนทนาเรื่องต่างๆ จนเป็นที่สมควร ก่อนกลับได้ถามพระอาจารย์โอว่า "วิชาที่ท่านเรียนมาทั้งหมดมีมากมาย ได้ใช้หมดทุกวิชาไหม" พระอาจารย์ตอบว่า "ไม่เหลือ ใช้จนหมดทบไปทวนมา พลิกแพลงสารพัด แต่ก็ยังตอบโจทย์ได้ไม่หมด ทุกวันนี้ยังตรึกอยู่เนืองๆ" แล้วบุคคลผู้นั้นก็พูดมาประโยคหนึ่งว่า "สรรพวิชาที่ท่านใช้ ยังเป็นของในสากลโลก ก็ใช้ได้ในสากลโลก เป็นเครื่องยังอัตตะภาโวให้โลกเป็นไป แต่หากจะให้มันเหนือเวรเหนือกรรมได้ ต้องใช้สรรพวิชาเหนือโลกแล้วละ "
ข้อความนี้พระอาจารย์ได้คิดทบทวนอยู่นาน แต่ก็ยังไม่แจ้ง จึงได้ยกไว้แต่ไม่เลิกเสีย มีเวลาก็มาตรึกคิดอยู่เนืองๆ จนมาวันนึงท่านได้นิมิตว่า มีเสียงดังมากไม่รู้มาจากไหน ได้ความว่า "30ลิขิตฟ้า 70ต้องฝ่าฟัน " ดังก้องอยู่อย่างนั้น มานานหลายวัน ในขณะที่ท่านเจริญวิปัสสนาอยู่ วันนั้นฝนตกท่านเดินจงกรมตากฝนพิจารณาอยู่ด้วย พลันเกิดความคิดแทรกมาในวิปัสสนานั้นว่า "เหนือโลกคือบนฟ้า เหนือฟ้าคือดวงดาวจักราศี อันสัตว์สาราสิ่งล้วนเป็นไปตามการเคลื่อนของจักราลักขณา ตามแต่พรหมลิขิต ถ้าพรหมท่านลิขิตชะตาชีวิตได้จริง งั้นก็อัญเชิญท่านมาประทานพร ให้สรรพชีวิตต่างๆได้ยังซึ่งความสุขสมหวังได้ เพราะหากว่าพรหมท่านเป็นใหญ่ ในสังสารโลกทั้งปวงถือว่าเหนือโลกก็ว่าได้ "
เมื่อพระอาจารย์ท่านตรึกได้เช่นนั้นจึงได้ ตั้งจิตอธิษฐานถึงพระพรหมธาดา ผู้เป็นใหญ่เกิดก่อนใครในภัทรกัปนี้ จึงได้นิมิตว่า
"พระพรหมธาดามาบอกกล่าวว่า หากจักหาสิ่งสังสารช่วยคนให้พอได้สุขสมหวังดั่งประสงค์ได้สักช่วงวาระนึงนั้น มีอยู่ แต่จักกระทำวัตถุที่ถาวรคงทนคงจักไม่เป็นการสมควร เพราะว่าคนยังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่อีกนาน เหตุแต่กรรมวิบากยังมีอยู่มาก แต่จักให้พอดีพองามให้ทำของดั่งใช้ไปหมดไปตามวาระ ก็จักพอบอกให้ได้ เช่นเครื่องไล้ฉาบทาประเทืองดุจบุปผา หรือเครื่องหอมเช่นนี้ ช่วยได้ ให้ใช้แต่คราว" พระอาจารย์ได้ฟังดังนั้นก็คิดเห็นแต่สีผึ้ง จึงได้ถามไปว่าหากจะทำสีผึ้งจักได้ไหมมีวิธีเช่นไร "ในนิมิตนั้นได้ยินเสียงตอบมาว่า ถ้าอย่างนั้น ให้หายอดเกษร รังผึ้งให้มาก มาทำเทียนประทีปจุดบูชาดังนี้"
1.เดือนอ้าย ทำเทียนหนักหนึ่งบาท 18เล่ม ถวายพระ จุดบูชาทำวัตร เช้าเย็น ตลอด9วัน ในการปริวาสกรรม
2.เดือนยี่ ทำเทียน สองเล่ม ถวายจุดบูชาในการบุญถวายภัตรที่เก็บเกียวเสร็จ
3.เดือนสาม ทำเทียนสี่เล่ม จุดถวายพระทำวัตรเช้าเย็น มาฆะบูชา และวันทาเสมา
4.เดือนสี่ ทำเทียน พันเล่ม จุดบูชา วาระเทศมหาชาติ
5.เดือนห้า ทำเทียน16เล่ม บูชาในวันพญาวัน และอีก9เล่มบูชา นพเคราะห์
6.เดือนหก ทำเทียน 7เล่มจุดบูชา วิสาขะและวันทาเสมา
7.เดือนเจ็ด ทำเทียน จุดบูชา สวด บุญกลางบ้านตลอด สามวัน
8.เดือนแปด ทำเทียนบูชา อาสาฬหะ และเข้าพรรษา และวันทาเสมา และเทียนบูชาพระปาฏิโมกข์ตลอดพรรษา
9.เดือนเก้า ทำเทียน จุดบูชา ในวาระบุญข้าวประดับดิน
10.เดือนสิบ ทำเทียนบูชา ในวาระบุญสลากภัตร
11.เดือนสิบเอ็ด ทำเทียน จุดบูชาในวาระออกพรรษาและขอขมากรรม
12.เดือนสิบสองทำเทียนบูชา กองกฐิน และบูชา พระพุทธบาตร ในวันเพ็ญ
ทั้งนี้น้ำตาเทียนทั้งหมด ให้เก็บสะสมไว้ มาทำเป็นแผ่นลงด้วยอักขระพรหมมิกูโบ๊ท ว่าด้วยนามแห่งทวยเทพต่างๆ"
พอพระอาจารย์ได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจอยู่เพราะจะต้องเป็นการเป็นงานเอาเรื่องแน่นอน แต่ด้วยที่พระอาจารย์มีสหธรรมิกอยู่มากจึงได้ขอความ อนุเคราะห์จากพระเถรานุเถระต่างๆ แต่ก็ใช้เวลาหลายปี จึงจะได้ครบถ้วนตามที่นิมิตบอกไว้
พอได้ครบแล้วก็นึกว่าจะพอที่จะได้ทำ ครั้น ต่อมาก็มีนิมิตมาอีกว่า
"น้ำตาเทียนต่างๆให้ทำเป็นเทียนแล้วให้เอาไปใส่ในปราสาทมณฑป สวดฉลองพร้อมพิธีมหาจักรพรรดิ์ ในเดือนเมษายน พ.ศ.2558ที่ผ่านมาดังนี้
-เทียน สูงเท่าตัว ไส้เทียน 108เส้นลงบท พระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสังฆคุณ
-เทียน สุง 56นิ้ว ไส้ 56เส้น ลง พระพุทธคุณ
-เทียน สูง 38นิ้ว ไส้ 38เส้น ลงพระธรรมคุณ
-เทียน สูง 14นิ้ว ไส้ 14เส้น ลงพระสังฆคุณ
-เทียน สูง 80ซม. ไส้ 80เส้น สองเล่ม ลงนาม อิสิติมหาสาวก ทั้ง80
-เทียน หนักหนึ่งตำลึง 28เล่มไส้ 28เส้น ลงนามพระพุทธเจ้า 28พระนาม
-เทียนบาท 32เล่ม ลงนาม พระพุทธเจ้า 16พระองค์ ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
และเตรียมประทีปเทียนบูชาตลอดงาน 9วัน9คืน รวมพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ แสดงธรรม 351รูป แล้วจึงเอาน้ำตาเทียนทั้งหมดมา เคี่ยวผสมกับ ไคลพระมหาธาตุเจดีย์ และว่านเสน่ห์ ทั้งหมด ว่านเมตตาทั้งหมด ว่านโชคลาภทั้งหมด มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ กวนผสมในหม้อสัมฤทธิ์ สวดชุมนุมเทวดา 14วัน แบ่ง กลางวัน7วัน กลางคืน7วัน ครบถ้วนแล้วจัดสำรับเครื่องบัดพลี อัญเชิญพระพรหมผู้เป็นเจ้ามาสยุมพร ก็จักสำเร็จตามเจตนาดังในนิมิตตามนี้"
สีผึ้งชุดนี้ได้ทดลองแล้วเป็นที่อัศจรรย์ เรื่องราวที่ข้องขัดติดอยู่ของแต่ละคน ต่างมีเหตุให้ผ่านพ้นไปด้วยดีทั้งสิ้น ทั้งยังโชคลาภเงินทอง และเป็นเสน่ห์ยอดเยี่ยมอีกด้วย สมกับความวิริยะ ของพระอาจารย์โอ ที่ทุ่มเทสร้างจนสำเร็จเสร็จสิ้น
Predestination Wax by Phra Arjarn O, Phetchabun.
“This wax will help the owner to clear all obstacles in life like as the great Brahma Tharda who has duty to foredoom the destiny of human being come to grant the owner of this wax by himself.”
The beginning of this wax was happened because Phra Arjarn O has one disciple who follow Phra Arjarn O more than 10 years. He studied all magic subjects and the meditation from Phra Arjarn O too until he is proficient. However, his karma from the past existence still influence his life to always has problems same as others people.
Phra Arjarn O used all magic subjects that he has ever studied to help this disciple until his life become more better and get what he wants. However, it is not enough to fulfill the humandesires. Phra Arjarn O has studied magic subjects from no less than 72 teachers and use the magic subjects to make a lot of amulet until being well-known and popular for the amulet lovers but, this disciple will use Phra Arjarn O’s amulets effectively only within a while because of his past existence karma is very high influence for him even the others person are better after used Phra Arjarn O’s amulets. Moreover, his Phra Arjarn O’s amulet always be disappeared or broken without reason. This is one of a reason why during this 10 years Phra Arjarn O never stop to make amulet because Phra Arjarn O want to find out the solving method for this disciple.
Phra Arjarn O always try to find out the solving method for him incessantly until gods and angelssympathize with Phra Arjarn O’s attempt and suggest him the way for solving this problem to Phra Arjarn O. One day, a man came to the temple at night and has a conversation with Phra Arjarn O for a long time. Before the man back from the temple, the man asked Phra Arjarn O that “Did you use all magic subjects that you has been studied yet.” Phra Arjarn O answered “Yes, I used and apply all magic subjects but, some issue still exist and I’m still thinking the way to solve those issues too.” When the man heard Phra Arjarn O’s answer, he replied that “All of magic subjects that you has ever used are the subjects in the world and all living thing in the world still be destined by their own karma so, if you want to help your disciples to be superior than their karma, you have to use the superior subject that isover the world.”
Phra Arjarn O rethinked about the sentence of the man for a long time but, still cannot realize the meaning of it yet. However, whenever Phra Arjarn O has free time, he will rethink the sentence of the man until one day, he has the omen that there is a plangent sound from nowhere said “30 is destiny, 70 is attempt” continuously for many days.After that, during Phra Arjarn O made the meditation among raining he thought that “Upon the world is the sky, upon the sky is the zodiac and stars. All living things in the world were influenced by the movement of the stars and Brahma’s command so, if Brahma can foredoom the destiny of the living things, I should invite Brahma to bless all living things to have more happiness because Brahma is the high god which exist over the world.”
When Phra Arjarn O got the meaning of the man’s sentence, Phra Arjarn O pray to Brahma Tharda who has duty to foredoom the destiny of human being. After that, Phra Arjarn O has the omen “Brahma Tharda said if you want to find a thing that can help a person by fulfilling their wish for a while, it is existing. In the other hand, if you want to make a thing that can help people for all along their life, it is not suitable because people must follow the cycle of birth and dead. Therefore, if you want to make a thing that can help people effectively base on the reasonable possibility, I can tell you the method to do that thing in a form of fragrances.” After Phra Arjarn O heard that, he thought of the holy wax suddenly and asked Brahma Tharda for the producing method. Brahma Tharda answered and suggested Phra Arjarn O to find various kinds of stigma and a lot of beehive to make the candle and light it to worship the Buddha as follows:
1.January, made the candle weight 15 grams to light at noon and night for 9 days.
2.February, made 2 candles to light during offer food alms to a Buddhist monks.
3.March, made 4 candles to light in the morning of Magha Puja Day.
4.April, made 1,000 candles to light in the Vessantara Jataka ceremony.
5.May, made 16 candles to light in Phayawan Day and 9 candles for praying nine celestial bodies.
6.June, made 7 candles to light in Visakha Puja Day.
7.July, ,made the candles to light in the holy ceremony for 3 days.
8.August, made thecandles to light in Asalha Puja Day and the Buddhist Lent Day.
9.September, made the candle to light in the Boon Kaow Pra Dab Din ceremony.
10.October, made the candles to light in the Boon Salarkpat ceremony.
11.November, made the candles to light in the end of The Buddhist Lent Day.
12.December, made the candle to light in the Thot Kathin ceremony and full moon day.
All candle tears must be collected and then preparing to be a plate form before writing the holy words of gods on it.”
After Phra Arjarn O got the suggestion of Brahma Tharda, Phra Arjarn O realized that it is not easy to do this wax and it is difficult to prepare all materials alone so, he asked for help from others monk. Many years later, Phra Arjarn O got all materials according to the Brahma Tharda’s suggestion.
One day, Brahma Tharda told Phra Arjarn O in the omen that “Bring all candle tears to make the candles and take into the monk's residential quarters to bless in the emperor ceremony on April, 2015 as follow:
-A candle, height equal human body with 108 candlewicks and write the holy words of the virtues of Buddha, virtue of dharma and virtues of the Sangha on the candle.
-A candle, height 56 inches with 56 candlewicks and write the holy words of the virtues of Buddha on the candle.
-A candle, height 38 inches with 38 candlewicks and write the holy words of the virtue of dharma on the candle.
-A candle, height 14 inches with 14 candlewicks and write the holy words of the virtues of the Sangha on the candle.
-2 candles, height 80 centimetres with 80 candlewicks and write the name of 80 great monks on the candles.
-28 candles,each candle weight 37.5 grams with 28 candlewicks and write the name of 28 Buddhas.
-32 candles,each candle weight 15 grams and write the name of 16 Buddhas.
All these candles must be lighted in the emperor ceremony for 9 days 9 nights and invite 351 monks to chant during the ceremony. After that, bring all candle tears mix with the scurf of the great pagoda, various kinds of charming herb, lucky herb and holy herb before stir in the bronze pot. Furthermore, invite the angel to bless 7 noons and 7 nights before preparing the sacrifice to respectfully engage Brahma Tharda to bless this wax again.”
This predestination wax was proved by many disciples because each disciple can pass through their obstacles surprisingly. Also good for luck, money and charm so, Phra Arjarn very proud of this wax and worthwhile for his attempt.
|