จั๊กจั่น

เทพเรไรเสียงใสไพเราะเสนาะหู

ว่ากันว่าจั้กจั้นเปนจิตวินยานของเทวดาบนสวรรค์ กล่าวกันว่าเวลาบนสังสนั้นเริ่นนานบ้าง 1วันบนสวรรค์บางชั้นเท่ากัน500ปีบนโลกมนุดก็มี พวกเทวดาเหล่านี้มักหาเวลาจุติลงมาในโลกมนุดในรูปลักต่างๆ เทียบเวลาข้างบนก้หลับวีบนึง แต่อยุบรโลก 10ปี จั้กจั่นก่เปนเทวดาพวกนักขับบรรเลงเพลงสวัน เปนแมลงที่มีคุนลักนะแปลกประหลาด บางสายพันอยุ่มนดินเปน10ปี กว่าจะขึ้นมาร้องด้วยเสียงไพเราะแค่ไม่กี่วันก้ตาย

จั๊กจั่นถือว่าเป็นสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ บางสายพันธุ์ใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินถึง 10 ปี เพื่อจะขึ้นมาส่งเสียงอันไพเราะบรรเลงขับกล่อมโลกเพียงไม่กี่วันก่อนจะร่วงโรยเป็นธุลีตามวัฏจักร เสียงที่ก้องกังวานทั่วทั้งแนวไพรในยามใกล้พลบค่ำ คงไม่มีเสียงใดจะมากลบเสียงบรรเลงอันไพเราะเสนาะหูของจั๊กจั่นไปได้ เสียงจั๊กจั่นนั้นงดงามราวกับบทเพลงที่ถูกบรรเลงจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความเชื่อว่าจั๊กจั่นเป็นจิตวิญญาณของเทวดาบนสวรรค์ ว่ากันว่าเวลาบนสวรรค์นั้นเนิ่นนานมาก 1 วันบนสวรรค์บางชั้นเท่ากับเวลาบนโลกมนุษย์ถึง 500 ปี จึงเป็นปกติที่เทวดาบางตนจะลงมาจุติบนโลกมนุษย์ในรูปลักษณ์ต่างๆตามแต่วาระโอกาส คนโบราณเชื่อว่าจั๊กจั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เทวดาจำพวกนักขับบรรเลงบทเพลงบนสวรรค์จุติลงมา

ด้วยเหตุนี้เองจั๊กจั้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์คาถาและสรรพเวทย์วิทยามาตั้งแต่โบราณ อย่างเช่นการทำยาเสน่ห์ในสายวิชาพนมกุเลน มวลสารสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยคือ "คราบจั๊กจั่น" เฉกเช่นเดียวกับการเขียนผงลบผงลบกระดานชั้นสูงก็ต้องมีคราบจั๊กจั่นผสมกับผงเพื่อใช้ในการเขียนยันต์ต่างๆบนกระดานชนวน โดยเชื่อกันว่าคราบจั๊กจั่นนี้จะให้คุณวิเศษทางเจรจาพาที มีสุรเสียงเป็นที่ไพเราะเสนาะหู ชื่อเสียงลาภยศขจรขจาย ดั่งเช่นเสียงร้องของจั๊กจั่น

พระอาจารย์โอได้เคล็ดลับวิชาเฉพาะสำหรับปลุกเสกวัตถุมงคลประเภทจั๊กจั่นมาโดยบังเอิญ ซึ่งว่านจั๊กจั่นเรไรรุ่นที่พระอาจารย์โอปลุกเสกก็มีชื่อเสียงโด่งดังสร้างประสบการณ์ให้ผู้บูชามากมาย และเหรียญแม่พันธุรัตน์(นางโกย) รุ่นแรกก็มีรูปจั๊กจั่นที่ด้านหลัง จึงเป็นที่การันตีว่าวิชานี้เป็นเลิศจริงๆ ด้วยความประทับใจในวิชานี้ในคราวนี้พระอาจารย์โอจึงตั้งใจสร้างตลับเทพเรไรสำหรับบรรจุสีผึ้งสุดพิเศษ โดยใช้ชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์มากมาย ก่อนชุบ3กษัตริย์ ทอง เงิน นาก ตัวตลับเปิดปิดได้ ห้อยพกพาสะดวก เปล่งประกายสวยงาม ปลุกเสกเป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดนิมิตว่ามีจั๊กจั่นมากมายประสานเสียงร้องกันระงมไพเนาะเสนาะหูยิ่งนัก พิถีพิถันขนาดนี้ เอาไปใช้รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

จั๊กจั่นเรไรร้องบรรเลงบทเพลงในพรไพร ก้องกังวาลไพเราะเสนาะใจ ไม่ว่าใครได้ยลยินย่อมหลงใหลรักใคร่เพลินภิรมย์

‼มีน้อยมากหมดแล้วเสียดายไปถึงชาติหน้า‼

สีผึ้งตัวแรงที่ทุกคนต่างต้องการ

พลาดไม่ได้จริงๆสำหรับสายเสน่ห์

พร้อมกัมปนาทสะเทือนโลกแล้ว

สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์ รุ่น"เทพเรไร

เนื่องจากมีผู้ศรัทธาให้ความสนใจกับสีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์เป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่าสีผึ้งนี้มีแต่คนถวิลหาอยากได้มาครอบครอง อาจจะด้วยอานุภาพความรุนแรงของสีผึ้งที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องตาโดนใจ หรืออาจจะเป็นเพราะประวัติของสีผึ้งนี้ไม่ธรรมดาก็เป็นได้ พระอาจารย์โอทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว จึงได้ดึงฝันลงมาให้คนไขว่คว้าถึง แต่ด้วยความรุนแรงแสบสันต์ของสีผึ้งตัวนี้ ครั้นว่าจะอนุเคราะห์แบ่งให้ทุกคนได้ครอบครองก็คงจะเป็นการกดขี่โลกเกินไป จึงไม่รอรีสั่งทำตลับพิเศษนาม "เทพเรไร" ออกมาเพียง 43 ตลับแล้วจัดสรรใส่สารพัดของแรงลงไปให้จุใจคุ้มค่าที่สุด ถึงมีเพียงนิดน้อย แต่ที่ใส่ลงไปนั้นเกินร้อย ตามอุปนิสัยของพระอาจารย์โอคือ "คบกับใคร อย่าให้เขาขาดทุน และจงให้มากกว่าที่เขาร้อง"

จัดสร้าง 2 แบบด้วยกัน:

1.ตลับครูโลกีย์

(สร้าง 25 ตลับ, บูชา 5,600 บาท)

ประกอบไปด้วย:

-สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์

-สีผึ้งจันทร์ดารา (ดานเพิ่มความแรงพิเศษสุด)

-ตะกรุดปถมังกำเนิดทองคำ

-ผงปถมังวรรค๙

2.ตลับพิเศษ

(สร้าง 18 ตลับ, บูชา 3,000 บาท)

ประกอบไปด้วย:

-สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์

-สีผึ้งจันทร์ดารา (ดานเพิ่มความแรงพิเศษสุด)

.

1.ตลับครูโลกีย์

(สร้าง 25 ตลับ, บูชา 5,600 บาท)

ประกอบไปด้วย:

-สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์

-สีผึ้งจันทร์ดารา (ดานเพิ่มความแรงพิเศษสุด)

-ตะกรุดปถมังกำเนิดทองคำ

-ผงปถมังวรรค๙

2.ตลับพิเศษ

(สร้าง 18 ตลับ, บูชา 3,000 บาท)

ประกอบไปด้วย:

-สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์

-สีผึ้งจันทร์ดารา (ดานเพิ่มความแรงพิเศษสุด)

เทียนปู่เจ้าสมิงพราย

‼เทียนแห่งตำนานของปรมาจารย์ครูเสน่ห์ผู้เป็นเจ้าแห่งภูติพราย‼

‼อีกหนึ่งเรื่องเล่าที่น้อยคนนักจะเคยได้ยิน‼

‼เปลวเทียนที่กาลครั้งนึงเคยถูกจุดเพื่อล่อพระลอ‼

มีมหากาพย์เล่าขานถึงที่มาแห่งเทียนนี้ว่า ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณเมืองสรอง พระเพื่อนพระแพงได้ไปพบปู่เจ้าสมิงพรายบนภูเขา เพื่อขอให้ปู่เจ้าช่วยทำเสน่ห์ให้พระลอหลงใหล

ปู่เจ้าสมิงพรายจึงได้เขียนยันต์ลงบนธงสามชาย แล้วติดไว้บนยอดต้นตะเคียน เมื่อลมพัดผ่านผ้า พระพายก็ได้พัดพาอักขระมนต์ลอยละลิ่วปลิวตามลมไปต้องตัวพระลอ แต่ปรากฏว่ามนต์นั้นก็ถูกแก้ให้เสื่อมคลายได้ เมื่อปู่เจ้าสมิงพรายทราบดังนั้นจึงได้ลงยันต์ใส่ผ้าแล้วนำขี้ผึ้งมาปั้นเป็นอิ่นคู่ชายหญิงกอดกัน แล้วบรรจุใส่ในตะกร้อ ก่อนนำไปแขวนไว้บนต้นไม้ พระลอก็ต้องมนต์อีกครั้งแต่ก็ถูกแก้ได้อีก

ในที่สุดปู่เจ้าสมิงพรายก็ต้องเปิดสุดยอดเคล็ดลับวิชาเทียนเสน่ห์มาใช้คือ "เทียนปู่เจ้าสมิงพราย" โดยปู่เจ้าสมิงพรายได้เขียนยันต์ลงบนกระดาษแล้วนำขี้ผึ้งมาฟั่นขึ้นเป็นเทียน ก่อนอัญเชิญพระเพลิงมาจุดไฟที่เทียนนั้น แล้วบริกรรมคาถาตลอดจนเทียนไหม้หมดเล่ม หลังจากนั้นปู่เจ้าสมิงพรายจึงได้นำขี้เถ้าและน้ำตาเทียนที่เหลืออยู่คลุกเคล้าผสมกับข้าวป้อนให้ไก่ฟ้ามากิน เพื่อไปล่อพระลอซึ่งกำลังประพาสป่าอยู่นั้น ต้องตามไก่ฟ้าตัวนี้มาจนเข้าเขตพระอุทยานเมืองสรอง และพบรักกับพระเพื่อนพระแพงในที่สุด

เพราะเข้าใจว่ามันง่ายที่จะรักแต่ยากเกินจะลืม

เทียนนี้จะนำรักกลับหวนคืนสู่ผู้จุดประกาย

เทียนปู่เจ้าสมิงพราย

เทียนปู่เจ้าสมิงพราย นี้พระอาจารย์โอได้เขียนผงลบผงยันต์ปู่เจ้าสมิงพรายบนกระดานชนวนก่อนนำไปคลุกเคล้ากับขี้ผึ้ง ก่อนคลึงขี้ผึ้งที่มีไส้อยู่ภายในให้เป็นเล่มเทียน แล้วปิดด้วยทองคำเปลวอันเป็นธาตุที่มีราศีในตัวเพื่อเรียกราศีเข้าสู่เทียนนั้น

เพียงหนึ่งหยาดหยด

ก็ทำให้ใจคนที่หมายปองละลายได้

เทียนปู่เจ้าสมิงพราย

ตามตำรากล่าวไว้ว่า "หากใคร่ปรารถนารักจากผู้ใดให้เขียนชื่อใส่กลางยันต์แล้วฟั่นขึ้นเป็นเทียน เพื่อจุดบูชาองค์ปู่เจ้าสมิงพราย เทพไท้เทวาทั้งหลายจะมาอำนวยอวยพรให้สมเร็จสมดั่งใจหมาย ตามคำโบราณว่าผีเชื่อไฟ เทวดาเชื่อเทียน เมื่อเทียนไหม้หมดเล่มแล้วให้เก็บน้ำตาเทียนและขี้เถ้าไปคลุกเคล้าอาหารให้บุคคลที่หมายปองกิน หรือผสมน้ำมันหอมดีดใส่ เขาจะหลงใหลคลั่งไคล้ร้อนรนทนอยู่มิได้เลย มีอานุภาพรุนแรงกว่าน้ำมันพรายมากมายนัก"

ผีเชื่อไฟ

เทวดาเชื่อเทียน

เทียนปู่เจ้าสมิงพราย

เทียนนั้นเปรียบเสมือนสื่อระหว่างโลกปัจจุบันและโลกแห่งจิตวิญญาณ เป็นดั่งกุญแจแห่งการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่มองไม่เห็น คนโบราณจึงมีคำนิยามว่า “ผีเชื่อไฟเทวดาเชื่อเทียน” การจุดเทียนเสมือนเป็นการขอยืมกำลังของทวยเทพและเทวดาให้มาเอื้ออำนวยช่วยเหลือในเรื่องที่ร้องขอ ในสมัยก่อนวิชาทางเสน่ห์ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือวิชาเทียน เวลาใครมีปัญหาด้านความรักคู่ครอง เกจิอาจารย์สมัยก่อนก็จะทำเทียนขึ้นมาจุดเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ของคู่รักอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้การจุดเทียนนั้นยังเป็นเสมือนการใช้แสงเป็นสื่อนำพาจากใจถึงใจ เป็นการใช้อิทธิคุณทางวัตถุเครื่องรางเข้าไปโน้มน้าวจิตวิญญาณของบุคคลที่ปรารถนาโดยตรง เพราะเนื่องจากมนุษย์นั้นเป็นสัตว์เสรีชน คือมีเสรีทางความคิดและจิตวิญญาณ กฎภายนอกจึงไม่สามารถบังคับพฤติกรรมได้อย่างเต็มที่ วิชาเทียนเสน่ห์ใจขาดนี้จึงเป็นวิชาที่แตกต่างจากการใช้เครื่องรางชนิดอื่น ตัวอย่างเช่นการใช้ตะกรุดเสน่ห์ใจขาดก็เป็นการใช้สื่อของนามสู่นาม โดยการเขียนชื่อบุคคลที่ปรารถนามส่ไว้ในตะกรุด ส่วนสีผึ้งเสน่ห์นั้นก็เป็นการใช้สื่อของกายสู่กาย โดยการใช้นิ้วแตะแต้มสีผึ้งเพื่อนัมผัสบุคคลที่ปรารถนา แต่เทียนเสน่ห์ใจขาดนี้จะเป็นการใช้สื่อของใจสื่อใจซึ่งจะได้ผลไม่ว่าบุคคลที่ปรารถนาจะอยู่แห่งหนใดด็ตาม

ให้จิตมึงแดงเป็นสายเลือด

ให้วิญญาณมึงเดือดเป็นไฟ

‼การดาน‼

ดันขึ้นสู่จุดสูงสุด

พระอาจารย์โอได้นำ #เทียนปู่เจ้าสมิงพราย ไปจุดในโหลสีผึ้งจันทร์ดาราเพื่อเป็นการ "ดาน" สีผึ้งให้มีความรุนแรงมากขึ้น เป็นเสมือนการดันให้สีผึ้งในโหลมีความเข้มข้นขึ้นด้วยอานุภาพแห่งสุดยอดเทียนเสน่ห์ ซึ่งการจุดเทียนแต่ละเล่มนั้นอานุภาพแห่งพระเพลิงจะช่วยส่องสว่าง เร่งเร้าความร้อนแรง เผาผลาญสิ่งมัวหมอง และชำระธาตุต่างๆให้บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ พระอาจารย์โอจุดเทียนปู่เจ้าสมิงพรายไปมากกว่า 100 เล่ม ดังนั้นความแรงของสีผึ้งในโหลนี้ไม่ต้องพูดถึง สุดเกินจะบรรยายจริงๆ

.

สีผึ้งจันทร์ดารา ที่ผ่านการดานเพื่อเพิ่มความแรงโดย #เทียนปู่เจ้าสมิงพราย แค่สีผึ้งจันทร์ดาราก็แรงมากอยู่แล้ว แต่ที่อยู่ในโหลตอนนี้นั้นแรงยิ่งกว่า

อภิมหาสีผึ้งกัมปนาทโลกาทั้ง 2 ตัวจะถูกผสานกันจนจักรวาลต้องสั่นคลอนแล้วณบัดนี้

‼พระอาจารย์โอได้บรรจุ #สีผึ้งจันทร์ดารา ที่ผ่านการดานเพื่อดันให้แรงขึ้นแล้ว โดยการจุดเทียนปู่เจ้าสมิงพราย ลงในตลับเทพเรไรด้วยมือท่านเองทุกตลับ‼

-----

สีผึ้งจันทร์ดารา, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

แม้แต่พระอาจารย์โอ เจ้ากรมสีผึ้ง ยังเอ่ยปากว่า “มีของไม่กี่อย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกมึนได้ สีผึ้งจันทร์ดารานี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น”

พระอาจารย์โอตั้งใจว่าจะทำสีผึ้งชุดพิเศษสุดอลังการอนันตคุณ ซึ่งสร้างจากสายขาวล้วนๆ พิถีพิถันทุกมวลสารอลังการทุกขั้นตอน เพื่อที่จะมาขับขานพิฆาต กู้ชื่อกอบเกียรติเอาศักดิ์ศรี โด่งดังยิ่งกว่าสีผึ้งเขียวให้กลับคืนมากระหึ่มอีกครั้ง

เป็นสีผึ้งเสน่ห์สายขาวที่มีความรุนแรงแบบบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนผสมอันเป็นของดำ หรือมวลสารของภูติพรายใดๆ เพราะพระอาจารย์โอถือเอาเคล็ดตามตำราในการเปิดศักราชแห่งสีผึ้งบริสุทธิ์เริ่มจากปั้นขี้ผึ้งเป็นหุ่นรูปชายหญิง2คนกอดกันดั่งอิ่น 111คู่ สยุมพรในฤกษ์งามยามดีลุ่มหลง เรียบเรียงลงในโถแก้วแวววับโฉลมชง แช่ด้วยน้ำมันหอมจากสาวพรหมจรรย์ทางโลกีย์ประกอบด้วยน้ำมันจันทร์กระเพาะ, น้ำมันจวง, น้ำมันจำปี, น้ำมันมะลิ และน้ำมันกุหลาบ ที่ต้องซื้อมาจากสาวพรหมจรรย์ (เด็กสาว) 7คน ก่อนนำไปอาบแสงจันทร์ทุกวันขึ้น 15ค่ำอีก 12ครั้ง ภายในระยะเวลา 12เดือน นอกจากนี้ยังมีรังผึ้งร้าง, ยาแม่แหก, ยาอิ้น, กาฝากพุด, กาฝากมะยม, กาฝากรัก, กาฝากขนุน, กาฝากมะรุม, กาฝากกาหลง และผงลบกระดานขั้นสุดอีกมากมาย ควรค่าคู่ควรแก่การบูชา แค่มีเก็บไว้ก็เป็นกำไรชีวิต มีไว้ใช้ชีวิตนี้ไม่ขาดทุน

สรรพคุณและวิธีการใช้:

1.ใช้พกพาติดตัว เพื่อทดสอบความแรงได้เลย ให้สังเกตดูว่าจากคนที่ไม่เคยทัก ก็จะเข้ามาทักทาย จากคนที่ไม่เคยพูดด้วย ก็จะเข้ามาพูดคุยสนทนา จากคนที่ไม่รู้จัก ก็อยากเข้ามาทำความรู้จัก ส่วนคนที่เคยพูดด้วยก็จะยิ่งให้ความสำคัญและสานสัมพันธ์ให้แนบแฟ้นยิ่งขึ้น จึงเหมาะแก่คนขี้อายที่อยากมีเสน่ห์ อันเป็นปัญหาหลักของผู้ชื่นชอบของเสน่ห์ส่วนใหญ่ เสมือนเป็นแม่เหล็กที่จะคอยดึงดูดผู้คนรอบข้างด้วยแรงเสน่หา

2.ใช้แตะแต้มตามหน้าตาหรือริมฝีปาก อานุภาพของสีผึ้งนี้จะยิ่งออกฤทธิ์รุนแรงมากขึ้น เรื่องใดที่ว่ายากก็จะกลับกลายเป็นเรื่องง่าย เรื่องอะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็ให้ตัดคำว่าไม่ออกเสีย ว่ากันว่าขนาดคนที่เกียจแค้นเคืองโกรธเรา หากได้เห็นหน้าเราพร้อมกับได้กลิ่นละมุนของสีผึ้งที่แผ่ไปในอากาศ ความโกรธเกียจนั้นจะเบาบางลงคล้ายกับไอน้ำที่ระเหิดหายไปในอากาศทันที หากไปต่อราคาของแม่ค้า แม้ค้าก็ยินยอมลดให้แต่โดยดี หรือแม้แต่ของที่ใครรัก หากนำสีผึ้งนี้ป้ายที่มือแล้วไปจับดูของชิ้นนั้น เอ่ยปากขอของนั้นเจ้าของก็ยังยินยอมมอบให้

3.ใช้แตะแต้มบุคคลที่หมายปอง (ปล.เวรกรรมรับกันเองเอา)

ให้ใช้นิ้วแตะสีผึ้งแล้วกำมือก่อนว่าคาถาหลายๆจบ จนรู้สึกว่าในมือมันมีอาการเต้นคล้ายชีพจร แล้วจึงค่อยใช้มือจับหรือแตะบุคคลที่ท่านปรารถนา พร้อมว่าคาถาไปด้วยเวลาจับ แล้วจึงเป่าคาถาลงไปที่บุคคลผู้นั้น จะทำให้ชีพจรเส้นตัณหาของเป้าหมายพลุ่งพล่าน เป็นการเปิดช่องในตัวเขาให้ท่านส่งผ่านความปรารถนาซึบซาบไปถึงจิตใจเขา ซึ่งจิตใจเขาอาจจะควบคุมสติไม่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว และยังทำให้บุคคลผู้นั้นต้องนึกถึงเรา คิดถึงเราโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดเป็นความผูกพันเสน่หาทางจิตแบบไม่ทันรู้ตัว จึงช่วยให้การสานสัมพันธ์ในโอกาสต่อๆไปนั้นง่ายขึ้นและประสบความสำเร็จดั่งใจปอง

หมายเหตุ: ถ้าใช้สีผึ้งแต้มเป้าหมายซ้ำหลายๆครั้ง อาจจะทำลายมานะทิฐิของคนผู้นั้นลงได้เลย เคยใช้มามากแล้วตำรานี้

เคล็ดลับที่นอกเหนือไปกว่านี้จะมีพลานุภาพที่รุนแรงมาก อันนี้ขอสงวนไว้เฉพาะคนพิเศษเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้พึงระลึกถึงนึกเหตุและผล สิ่งผิดถูกชอบชั่วดีด้วยในการใช้สีผึ้งชุดนี้ ขอให้ใช้ไปในทางบุญทางกุศลวาสนาบารมีในทางดีงาม หากนอกเหนือจากนี้เวรกรรมขอให้รับกันเอาเอง เพราะผู้สร้างมิได้ปรารถนาให้ใช้เพื่อทำร้ายคนอื่น

‼พระอาจารย์โองัดสีผึ้งสุดหวงของท่านคือ #สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์ มาเติมในตลัยเพิ่ม พร้อมกับกล่าวว่า "จงมีสติทุกการกระทำ เวรกรรมรับกันเอาเอง"‼

-----

สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์

สีผึ้งในตลับนี้เป็นสีผึ้งที่พระอาจารย์โอหวงแหนมากที่สุด และแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่พระอาจารย์โอเคยจัดสร้างมา เป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกศิษย์ว่าพระอาจารย์โอจะเก็บสีผึ้งตลับนี้ไว้ในย่ามตลอดไม่ยอมให้ห่างตัว เพราะมันเป็นของอันตรายที่แสนจะร้ายกายหากหลุดรอดไปอยู่ในมือของผู้ด้อยปัญญา และอานุภาพของมันรุนแรงจนพระอาจารย์โอไม่มั่นใจว่าจะมีมนุษย์คนใดสามารถครอบครองได้หรือมีผู้ใดจะคู่ควรด้วยซ้ำไป จึงลองนำออกมาเผยแผ่แบบวัดดวง แต่ถ้าใครคิดว่าตนเองครอบครองหลุมดำแห่งห้วงพลังนี้ไหวก็ขอเรียนเชิญ และขอแนะนำว่าใครคิดจะเป็นเจ้าของ ขอให้รีบนำไปเลี่ยมครอบทั้งตลับ มิจำเป็นมิควรเปิดใช้ เพราะผลลัพธ์นั้นสุดเกินจะคาดเดา

สีผึ้งชุดนี้พระอาจารย์โอได้เมตตาเล่าให้ฟังว่าสมัยครั้งที่ยังออกเดินธุดงค์ท่องยุทธภพอยู่ ท่านได้สูตรลับตำหรับในการทำสีผึ้งที่มีเสน่หานุภาพรุนแรงที่สุดมา จึงตั้งใจออกเดินทางเสาะแสวงหามวลสารต่างๆมาทำอย่างไม่ลดละ แม้ว่ามวลสารและขั้นตอนต่างๆในการทำนั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าการทำสีผึ้งใดๆ มีความแปลกประหลาดพิสดารจนเกือบจะอดคิดไม่ได้ว่าสูตรการทำสีผึ้งนี้ช่างคล้ายกับนิยายในตำนานที่ถูกเล่าขานมาจากโลกเวทย์มนตร์

ในที่สุดพระอาจารย์โอได้ทำสีผึ้งจอมวายร้ายนี้สำเร็จจนได้ และเก็บไว้ด้วยความภาคภูมิใจแม้จะรู้ว่ามันเป็นเสมือนขีปนาวุธที่น่ากลัวก็ตาม พระอาจารย์โอเล่าว่าเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีนักข่าวมาขอความช่วยเหลืออยากแต่งเมียสักคน เพราะอายุตนเองก็มากแล้ว ถ้าหากมีรถไฟขบวนสุดท้ายมาจะรีบคว้าไว้โดยไม่รีรอ พระอาจารย์โอได้ฟังก็เกิดเมตตาสงสารจึงยอมงัดสีผึ้งขึ้นมาจากตลับเพียง1หัวไม้ขีด แล้วใส่ไว้ในถุงพลาสติกให้นักข่าวคนนั้นไป เวลาผ่านไปไม่นานนักข่าวคนนั้นก็ได้แต่งเมียสมใจ

พระอาจารย์โอมาทราบภายหลังว่าแท้จริงแล้วนักข่าวคนนี้ก็เป็นลูกศิษย์ของเกจิที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าทำสีผึ้งได้เข้มขลังยิ่งนัก เพราะหลังจากนักข่าวคนนั้นได้เมียไปไม่นาน เกจิท่านนั้นได้ส่งคนมาที่วัดพระอาจารย์โอ เพื่อสอบถามขอซื้อสีผึ้งแบบเดียวกับที่พระอาจารย์โอได้เมตตาให้นักข่าวไป เมื่อพระอาจารย์โอตอบปฏิเสธ ชายคนนั้นก็ไม่ลดละความพยายาม ถึงขนาดบอกว่าขายเท่าไหร่ก็จะขอซื้อ พระอาจารย์โอจึงตัดความรำคาญ เอาสำลีแคะหูป้ายสีผึ้งแล้วจึงทิ้งลงไปในขวดน้ำมันมะกอกที่วางอยู่ข้างตัวให้ชายคนนั้นไป

เวลาผ่านไปประมาณ1เดือน ชายคนนั้นกลับมาที่วัดอีกและเมื่อพบพระอาจารย์โอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงสอบถามพระอาจารย์โอทันทีว่า "สีผึ้งที่พระอาจารย์เคยให้ผมไป พระอาจารย์มีเท่าไหร่ผมขอเช่าให้หมด" พระอาจารย์จึงตอบกลับไปว่า "คงให้ตามที่เธอขอไม่ได้ สีผึ้งนี้ไม่ได้ถูกตีค่าด้วยราคา เพราะมันคือชีวิตและจิตใจ ที่ฉันหยิบใส่ลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ความชั่วร้ายอำมหิตมากมายก็ถูกบ่มหมักไว้อยู่ในสีผึ้งนี้" ชายคนนั้นจึงต้องกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง

และแล้ววันหนึ่งพระอาจารย์โอได้รับกิจนิมนต์ไปงานพุทธาภิเษกที่มีพระเกจิมากมายหลายรูปมารวมตัวกัน ในขณะที่พระอาจารย์โอนั่งพักอยู่ ได้มีเกจิรูปหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพูดคุยอยู่นานและขอแบ่งสีผึ้ง ก่อนสอบถามถึงเส้นทางไปวัดของพระอาจารย์โอ ปรากฏการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความตกใจให้กับพระเกจิรูปอื่นๆที่อยู่ในงานเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วเกจิรูปนี้จะมีอุปนิสัยหยิ่งๆ ไม่พูดคุยสุงสิงกับใคร มักจะนั่งกินหมากเงียบๆอยู่รูปเดียว เกจิรักสันโดษรูปนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นเกจิรูปเดียวกับที่เคยส่งคนมาขอเช่าสีผึ้งกับพระอาจารย์โอที่วัดนั่นเอง

สีผึ้งสะท้านโลกันตร์ราชันย์กามะโลกีย์นี้จะเป็นวัตถุมงคลเพียงหนึ่งเดียวที่พระอาจารย์โอจะไม่ใส่สัญลักษณ์หรือโค๊ตของท่านลงไป จะไม่มีอัตลักษณ์ใดๆบ่งบอกว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้เป็นของท่าน เพราะพระอาจารย์โอกล่าวว่า ต่อไปในภายภาคหน้า หากสีผึ้งนี้ไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายที่ไหน และความเลวร้ายใดๆที่เกิดขึ้นเพราะผลแห่งสีผึ้งนี้ พระอาจารย์โอขอไม่รับรู้เสียดีกว่า จึงขอให้ผู้ที่ได้ครอบครองพึงตระหนักในผลและเวรกรรมให้ดีเถิด เพียงพกพาไว้อธิษฐานตามประสงค์ก็เพียงพอแล้ว แค่หลับตาแล้วสร้างจินตภาพว่าได้นำสีผึ้งนี้ไปป้ายเป้าหมายก็ประดุจว่าบุคคลผู้นั้นโดนสีผึ้งป้ายจริงๆ สีผึ้งนี้เป็นสีผึ้งที่มีชีวิต เป็นอาตมัน มีจิตวิญญาณนึกคิดเป็นของตนเอง เผยแผ่เชิงอนุรักษ์เพียง 6 ตลับเท่านั้น เพราะโลกในตอนนี้ก็วุ่นวายหนักหนาพอแล้ว

.

‼พระอาจารย์โอทำการบรรจุ #ตะกรุดปถมังกำเนิดเนื้อทองคำ ลงในกลางตลับเทพเรไรทีละดอก เพื่อก่อกำเนิดสิ่งดีงามต่างๆให้แก่ผู้บูชา‼

-----

ตะกรุดปถมังกำเนิดทองคำ

ค้ำชูหนุนดวงชะตาของผู้เป็นเจ้าของ ผู้ใดมีไว้จะเป็นผู้เจริญแต่ฝ่ายเดียว ดั่งพลิกฟ้ากลับธรณีเป็นผู้ประเสริฐ สิ่งใดอันประเสริฐจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองบริบูรณ์

.