เปิดเวบเมื่อ |
18/07/2554 |
ปรับปรุงเวบเมื่อ |
25/04/2567 |
ผู้ชมทั้งหมด |
|
|
สินค้าทั้งหมด |
4386 |
|
|
|
|
Alternative website : www.barameepokae.com |
สินค้า/บริการ >> พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา พุทธสถานวิหารพระธรรมราช >> งั่งหัวแก้วหัวแหวน (องค์พิเศษ), พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
| งั่งหัวแก้วหัวแหวน (องค์พิเศษ), พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์ รหัสสินค้า: 003668 ราคา: 9,000.00 บาท รายละเอียด:
งั่งหัวแก้วหัวแหวน, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
ต้นกำเนิดแห่งเผ่าพันธุ์
จากศาสตร์ดึกดำบรรพ์
สู่รากเหง้าแห่งมนุษยชาติ
หล่อหลอมมาสู่อมตะแห่งเครื่องราง
ด้วยศิลปะเข้มขลังด้วยมนตรา
จากงั่งองค์ที่พระอาจารย์โอ “รัก” ดั่งหัวแก้วหัวแหวน จากงั่งองค์ที่ “พลิกชะตา” ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวน จึงกำเนิดขึ้นเป็น “งั่งหัวแก้วหัวแหวน” สำหรับผู้ถวิลหางั่งที่แม้แต่งั่งทุกองค์ต้องยกไว้ “เหนือเกล้า เหนือเศียร” เพราะนี้คือ “เพชรยอดมงกุฏ” ที่แท้จริงสำหรับผู้ที่ลุ่มหลงในเครื่องรางอันแสนจะมีมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลแบบงั่งเช่นนี้
สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นพิเศษที่พระอาจารย์โอเน้นใช้มวลสาร “เงินอาถรรพ์ลงถม” กับ "ของอาถรรพ์ตัวหัวๆอีกหลายตัว" ในชนิดล้วนๆเพียวๆโดยไม่มีการผสมโลหะธาตุใดๆลงไปให้เจือจางเลย งั่งที่ได้ออกมาจึงเป็นยอดแห่งงั่ง ด้วยมวลสารหัวเชื้อล้วนๆ มีความเข้มข้นในระดับเดียวกับ “มวลสารตั้งต้น” สำหรับการสร้างงั่งได้อีกหลายรุ่นเลยทีเดียว
พระอาจารย์โอได้สร้างงั่งหัวแก้วหัวแหวนรุ่นนี้ขึ้นโดยจำลองรูปแบบมาจากของเดิม และปลุกเสกเรื่อยมาก่อนจะนำไปเสกนอกถานที่ ณ เขตแดนเมืองลับแล “พนมฉัตร” เป็นพิเศษแบบที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน ซึ่งมีเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายระหว่างพิธีกรรม
จัดสร้างทั้งหมด 2 แบบดังนี้
1.องค์ครู (สร้าง 9 องค์, บูชา 19,000 บาท)
ที่ตาฝังลูกตาทองคำ
-สำหรับงั่งหัวแก้วหัวแหวน “องค์ครู” ทั้ง 9 องค์ พระอาจารย์โอได้นำตะกรุดอังคะชาเนื้อทองคำมาหลอมเป็นเม็ด ก่อนฝังไว้ที่ตาของงั่งหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองข้าง เพื่อเสริมฤทธิ์เสริมเดชให้เก่งกาจขึ้นไปอีก ดั่งคำกล่าวที่ว่า “หญิงเห็นคนใด เสน่หาอยากลองของกูทุกเวลา แค่สบตากู งั่งตาแดง” ก่อนปลุกเสกอีกเป็นระยะเวลานานหลายพิธีจนมั่นใจจึงออกให้บูชา
ที่คอฝังตะกรุดทองคำ
-ตะกรุดทองคำ ด้านหนึ่งลงด้วย "ยันต์หัวใจงั่ง" ที่จะเสริมให้งั่งหัวแก้วหัวแหวนมีฤทธิ์มากขึ้น
ส่วนอีกด้านหนึ่งลงด้วย "ยันต์สาริกาป้อนเหยื่อ" เป็นวิชาเร้นลับในตำนานที่มีกรรมวิธีการสร้างอันแสนพิสดารและยากยิ่ง มีพลานุภาพโดดเด่นเรื่องโชคลาภ เงินทอง โภคทรัพย์ และเมตตามหาเสน่ห์อย่างเอกอุ ในตำราว่าไว้ว่าใครมีตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อนั้นเป็นผู้ฆ่าไม่ตาย ไปไหนก็ย่อมได้รับความเมตตาจากแรงสิเน่หาของตะกรุด
2.องค์พิเศษ (สร้าง 108 องค์, บูชา 9,000 บาท)
พระอาจารย์โอทำการม้วนและฝัง "ตะกรุดทองคำ" ลงในงั่งหัวแก้วหัวแหวน “องค์ครู” ที่มีตาเป็นทองคำทั้ง 9 หัวด้วยตัวท่านเอง
องค์ต้นแบบ "งั่งหัวแก้วหัวแหวน"
ความพิการที่เก่งกาจพิสดาร
-งั่งรุ่น1ที่มีแต่หัวองค์นี้ถือเป็นงั่งองค์สำคัญประจำกายของพระอาจารย์โอองค์หนึ่ง ที่เหล่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์โอต่างคุ้นตากันดี เพราะท่านห้อยงั่งองค์นี้อยู่ที่เอวของท่านเสมอมาตั้งแต่ปี 2553
ความพิเศษของงั่งองค์นี้อาจจะเรียกได้ว่า “เก่งที่สุด” ในบรรดางั่งรุ่นแรกทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นงั่งรุ่นแรกเพียงองค์เดียวจากจำนวนการสร้างทั้งหมด ที่มีเพียงแต่หัว หล่อตัวไม่ติด ซึ่งการเกิดขึ้นของงั่งที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดพิสดารเช่นนี้ ก็เข้าตำราที่ว่า “งั่งที่เก่งที่สุดหาใช่งั่งที่สวยงามที่สุดไม่ แต่งั่งที่เก่งที่สุดกลับเป็นงั่งที่ไม่สมบูรณ์ที่สุด”
จากตามตำนานการสร้างงั่งว่ากันว่า งั่งองค์ไหนที่เกิดไม่สมบูรณ์ ชำรุด หรือแตกหัก ในระหว่างขั้นตอนการสร้างและปลุกเสก ถือว่าเป็นงั่งที่เก่งมากถึงมากที่สุด เพราะยิ่งงั่งขาดความสมบูรณ์มากเท่าไหร่ งั่งตัวนั้นก็จะยิ่งเต็มเต็มเจ้าของให้บริบูรณ์ได้มากเท่านั้น ด้วยสัจธรรมเที่ยงแท้และไม่แปรเปลี่ยนคือ 1.งั่งรักมนุษย์มากที่สุด 2.งั่งเป็นเครื่องรางแห่งการเติมเต็มที่ดีที่สุด
งั่งองค์นี้พระอาจารย์โอท่านเคยได้มอบให้ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนท่านหนึ่งนำไปใช้ติดตัว ซึ่งลูกศิษย์ท่านนั้นก็ทราบดีถึงกิตติศัพท์ของงั่งองค์ที่มีแต่หัวนี้ว่าเก่งกาจมากไมเช่นนั้นพระอาจารย์โอท่านคงไม่หวงเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกศิษย์ท่านนั้นได้มาก็ดีใจมาก แต่ก็ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งว่าทำไมพระอาจารย์โอถึงรักงั่งองค์นี้กว่างั่งองค์อื่นอยู่ดี
เวลาที่ล่วงเลยผ่านไป กลับเป็นข้อพิสูจน์ให้ลูกศิษย์ท่านนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนกับคำถามในใจ เพะราะปรากฏว่าหลังจากลูกศิษย์ท่านนั้นได้นำงั่งที่มีแต่หัวไปใช้ จากชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งดีมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใดที่ยังขาดอยู่ ก็ถูกเติมเต็มจนน่าแปลกใจ ถึงขนาดลูกศิษย์ท่านนั้นได้กล่าวออกมาว่า “แม้จะเคยใช้งั่งมามากมายทั้งงั่งเก่า ทั้งงั่งใหม่ หรือขนาดงั่งเก่าหายากมีสภาพสวยสมบูรณ์บางองค์ที่ราคาหลักแสนก็เคยใช้มาแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจองั่งองค์ไหนที่เก่งจับใจได้เทียบเท่ากับงั่งที่มีเพียงแต่หัวองค์นี้เลย”
เครื่องพันธนาการรัก
สุดยอดมวลสารแห่งการสร้างงั่งชั้นยอด
-เป็นเครื่องเงินโบราณของชนเผ่าหลายๆชนเผ่า มีทั้งกำไลมือ, กำไลขา, และห่วงคอ ลวดลายศิลปะของเครื่องประดับแต่ละชิ้นก็จะมีความแตกต่างๆกันไปตามวัฒนธรรมของเผ่านั้นๆ ซึ่งเครื่องเงินเหล่านี้ถือว่าเป็นสุดยอดมวลสารในการนำมาสร้างงั่งเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องเงินทั้งหมดที่เห็นในภาพได้ผ่านพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรักมาแล้วทั้งสิ้น เช่นเป็นของสำคัญที่ใช้ในพิธีหมั้น, พิธีแต่งงาน หรือการเสียผี มาแล้วเป็นต้น
ฉนั้นเป็นที่แน่นอนว่าเครื่องเงินเหล่านี้ได้ถูกผ่านพิธีกรรมอันลึกลับของชนเผ่าต่างๆและซึมซับพลังที่มองไม่เห็นไว้ภายใน ดูดกลืนอารมณ์แห่งความรักไว้อย่างเปี่ยมล้น กักเก็บคำมั่นสัญญาอันเป็นโซ่คล้องใจของคู่สามีภรรยา เครื่องเงินเหล่านี้จึงเป็นดั่งบ่วงโซ่พันธนาการแห่งความรักไปโดยปริยาย
นี่ถือเป็นความลับในตำราการสร้างงั่งที่ระบุไว้ถึงมวลสารประเภทนึงว่า “หากปรารถนาให้พ่อศรีสลังงังพญางั่งตาโลหิตมีฤทธิ์เป็นวิมุติ จงนำสื่อรักยอดมงกุฏที่เป็นดั่งห่วงคล้องคอ, เป็นดั่งปอผูกศอก, เป็นดั่งปลอกผูกตีน มาเป็นมวลสาร”
เครื่องพันธนาการรัก
ถูกรีดเพื่อเตรียมสร้างงั่งหัวแก้วหัวแหวน
-เครื่องพันธนาการรักที่ได้ผ่านขั้นตอนกรรมวิธีต่างๆมาเรียบร้อยแล้ว ได้ถูกนำไปรีดให้เป็นแผ่นบางๆสำหรับใช้เป็นมวลสารหลักในการสร้างงั่งหัวแก้วหัวแหวน
ซึ่งการรีดครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องด้วยว่า ปกติแล้ววัตถุอาถรรพ์ต่างๆของพระอาจารย์โออย่างเช่นหม้อกุลาหรือเงินอาถรรพ์ต่างๆนี้ ต่างเป็นสิ่งของอันเป็นที่หวาดหวั่นของเหล่าโรงรีดทั้งหลาย เพราะในทุกครั้งที่โรงรีดรับวัตถุอาถรรพ์ของพระอาจารย์โอไปทำการรีด ก็มักจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆ อย่างเช่นในบางครั้งโรงรีดก็ไม่สามารถรีดวัตถุอาถรรพ์เหล่านั้นได้ และหลายๆครั้งที่เครื่องมือเครื่องกลต่างๆของโรงรีดเกิดการชำรุดเสียหายไปเลยก็มี จึงเป็นเหตุให้โรงรีดหลายๆที่ปฏิเสธรับงานของพระอาจารย์โอโดยเด็ดขาดไปโดยปริยาย จึงเป็นเหตุทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การลงยันต์ลบถมบนวัตถุอาถรรพ์ของพระอาจารย์โอในแต่ละครั้งจึงเป็นเรื่องยากลำบากเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีโรงรีดที่ไหนอยากรับงานไปทำนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง ลูกศิษย์พระอาจารย์โอท่านหนึ่งที่มีความศรัทธาพระอาจารย์โอเป็นอย่างมาก ได้ตั้งใจซื้อเครื่องรีดถวายพระอาจารย์โอ เพื่อที่พระอาจารย์โอจะได้นำมาใช้รีดวัตถุอาถรรพ์ต่างๆของท่านโดยเฉพาะตามที่ท่านต้องการ โดยไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากโรงรีดที่ปฏิเสธงานอีก เพราะลูกศิษย์ท่านนี้เป็นผู้ที่เคยได้นำตะกรุดที่สร้างจากวัตถุอาถรรพ์ของพระอาจารย์โอไปบูชาแล้วได้พบเจอประสบการณ์อันน่าประทับใจโดยตรง เขาจึงอยากจะให้คนที่สนใจและเข้าใจในศาสตร์แขนงนี้ได้มีโอกาสบูชาบ้าง หากวันหนึ่งวันใดไม่มีโรงรีดที่ไหนยอมรีดวัตถุอาถรรพ์ให้พระอาจารย์โอขึ้นมา ก็คงจะน่าเสียดายไม่ใช่น้อยสำหรับผู้ที่ถวิลหาวัตถุมงคลสุดพิเศษไว้ใช้ติดตัวสักชิ้นหนึ่งในชีวิต ต่อจากนี้ไปพระอาจารย์โอก็คงจะไม่ต้องกังวลเรื่องการหาโรงรีด และสามารถรังสรรค์วัตถุมงคลตามที่ท่านต้องการรังสรรค์ได้สมใจแล
“ท๊อฟฟี่” ที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าแดงพญาวันสีสันสดใสนี้
ภายในจะมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่กันนะ
พระอาจารย์โอท่านเรียกว่า “ท๊อฟฟี่แดง”
-มีลูกศิษย์ถามว่าแล้วท๊อฟฟี้นึ้มันจะมีรสเป็นอย่างไรครับ?
-พระอาจารย์โอจึงตอบว่า “คงจะเป็นรสงั่งที่อร่อยเหาะ เพราะจะเอามวลสารข้างในไปทำงั่งนี่แหละ”
ในห่อ “ท็อฟฟี่แดง” คือแผ่นเงินอาถรรพ์ที่พระอาจารย์โอได้นำ "เครื่องพันธนาการรัก" ไปรีดออกมาเป็นแผ่นก่อนจะนำไปลงยันต์ต่างๆที่เป็นสุดยอดวิชา โดยเฉพาะยันต์วิชาที่เกี่ยวข้องกับงั่งโดยตรง เยอะแยะมากมายแบบที่เรียกว่าใช้หมดตำราเลย
พระอาจารย์โอทำการเขียนยันต์บนแผ่นเงิน แล้วจึงทำการพับก่อนจะนำไปรีดเป็นแผ่นออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงนำมาเขียนยันต์ซ้ำลงไปอีก พระอาจารย์โอทำการลงยันต์ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้อยู่หลายครา ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า ”การลงถม” เสมือนเป็นการเพิ่มความเข้มข้นให้แก่ชนวนมวลสารให้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นร้อยพันทวีคูณ พระอาจารย์โอได้ทำการลงถมแผ่นเงินอาถรรพ์จนมั่นใจว่าเพียงแค่นำเศษเสี้ยวของแผ่นเงินนี้ไปพกไว้ ก็จะเกิดเป็นเมตตามหาเสน่ห์อย่างแรงแล้ว
พระอาจารย์โอทำการไหว้ครูเตาและบอกกล่าวครูบาอาจารย์ให้ทราบถึงการสร้าง "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ก่อนจะเริ่มทำการซัดเนื้อชนวนมวลสารอาถรรพ์ทั้งหลาย ให้กล่อมกันเป็นหนึ่งเดียว
การซัดเนื้อมวลสารสำหรับการสร้าง "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยพระอาจารย์โอได้นำแผ่นเงินอาถรรพ์ทั้งหมดในห่อ "ท็อฟฟี่แดง" ลงไปหลอมละลายในเตาก่อนเป็นอันดับแรก ให้คุณวิเศษและอานุภาพของแต่ละยันต์วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
"แร่สายฟ้า" ถูกนำมาใช้เป็นมวลสารพิเศษเพิ่มเติมเข้าไป แร่นี้หาได้ยากยิ่ง จะเกิดขึ้นในดินที่ถูกฟ้าผ่า เมื่อความร้อนของกระแสไฟฟ้าได้ทำให้แร่ธาตุในดินบางส่วนหลอมรวมตัวกันอย่างฉับพลัน ทำให้มีลักษณะคล้ายเส้นสายฟ้าที่แตกกิ่งกัานสาขาออกไป เป็นของอาถรรพ์อย่างหนึ่งที่มีพลังในตัวสูงมาก
มวลสารพิเศษที่ถูกใส่เพิ่มเติมลงไปผสมกับเงินอาถรรพ์มีมากมาย อาทิเช่น แสงพระว้อง, ตะปูสำริด, เพชรหน้าทั่ง ฉนั้นเนื้อหามวลสารของ "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" รุ่นนี้จะต้องออกมาสวยงามและพิเศษสุดๆแน่นอน
มวลสารพิเศษอีกหนึ่งชนิดคือ "ปรอทอ้ายงั่ง" เป็นปรอทในตำนานที่ทำได้ยากมาก ต้องใช้ความเพียรอย่างไม่ลดละ ถึงจะสำเร็จ เป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสมพ่องั่ง เพราะว่ากันว่าพ่องั่งองค์ใดที่สร้างจากปรอทอ้ายงั่ง พ่องั่งองค์นั้นจะพลิกได้ประดุจดั่งมีชีวิตนั่นเอง
- - - - - - - - - -
"เครื่องยาซัดโลหะ" สูตรพิเศษของพระอาจารย์โอ ที่เป็นเคล็ดลับทำให้ชนวนมวลสารทั้งหมดในเตายอมหลอมรวมเข้าด้วยกัน วัตถุมงคลของพระอาจารย์โอที่เป็นโลหะจึงมีสีสันวรรณะสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร
พระอาจารย์โอจัดดอกไม้ขาวเพื่อรับขวัญโลหะธาตุอาถรรพ์ที่จะกลายเป็น "งั่งหัวแก้วหัวแหวน"
เมื่อเงินอาถรรพ์และมวลสารพิเศษต่างๆถูกหลอมละลายเข้ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์โอจึงเทมวลสารทั้งหมดลงถัง เป็นเทคนิคการซัดโลหะให้กลายเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อเตรียมไว้ใช้สร้างออกมาเป็น "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ต่อไป
- - - - - - - - - -
สุดยอดมวลสารสำหรับการสร้าง "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" สำเร็จออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สีสันสวยงาม เนื้อหาน่าสนใจ ซึ่งปกติแล้วมวลสารแบบนี้จะเป็นมวลสารตั้งต้นที่พระอาจารย์โอจะนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคลเท่านั้น แต่สำหรับงั่งหัวแก้วหัวแหวนรุ่นนี้ พระอาจารย์โอได้ใช้มวลสารหัวเชื้อล้วนๆ เพื่อสร้างงั่งที่มีแต่หัวแต่เก่งกาจเหนือชั้นกว่างั่งทั่วไป
งั่งหัวแก้วหัวแหวน ที่กำเนิดขึ้นจากเงินอาถรรพ์ ช่างดูงดงามราวกับช่อดอกไม้ที่ผลิดอกออกบานสะพรั่งก็ไม่ปาน แต่ละใบหน้าล้วนแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่พร้อมจะมอบความสุขให้แก่เจ้าของผู้ถูกเลือก
- - - - - - - - - -
ในระหว่างออกเดินทางเพื่อนำ "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ไปปลุกเสกที่จุดประตูเชื่อมต่อมิติ “พนมฉัตร”
พระอาจารย์โอท่านได้ชี้ออกไปนอกหน้าต่างแล้วบอกกับลูกศิษย์ในรถว่า “เห็นเขาตรงโน้นไหม วังช้างน้ำเยอะเลย เป็นดินแดนของโลกอุดร เลยมีหมอกปกคลุมตลอดเวลา”
พนมฉัตร
ประตูเข้าสู่ดินแดนเหนือโลก
ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ๆท่านพระอาจารย์โอ เคยมาธุดงค์ ฝึกจิตบรรลุฌาน ครั้งเมื่อท่านยังออกจารีกธุดงค์อยู่ ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่อันสงบวิเวกเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกวิปัสสนาแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับมิติลี้ลับอีกด้วย บางท่านก็เรียกมิตินี้ว่าโลกอุดร, แดนลับแล, หรือป่าหิมพานต์ก็เรียกกัน
โดยมากนักวิปัสสนาที่ชอบท่องเที่ยวพเนจรหาที่บำเพ็ญภาวนาจะรู้ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้กันเป็นอย่างดี ว่ากันว่าการที่มนุษย์จะเข้าไปในดินแดนเหนือโลกเช่นนี้ได้ ต้องเข้าผ่านทาง “ประตู” ซึ่งจะมีทางเข้าหลักๆอยู่ประมาณ 4 จุด มีชื่อเรียกดังนี้คือ พนมเปญ, พนมรุ้ง, พนมบาเค็ง และ พนมฉัตร ซึ่งสถานที่ๆพระอาจารย์โอมาเยือนนี้คือ “จุดพนมฉัตร”
ลักษณะพิเศษของจุดเชื่อมต่อมิติเหล่านี้คือ ตรงรอบบริเวณของช่วงรอยต่อมักจะมีสัตว์ในป่าหิมพานต์หลุดข้ามมิติมา ให้มนุษย์ผู้มีบุญพาวาสนาได้พบเห็น ซึ่งเชื่อกันว่าสัตว์หิมพานต์ที่ออกมาจากป่าเหล่านั้น ใกล้ที่จะสิ้นอายุไข จึงต้องออกมาเพื่อทิ้งสังขารกายหยาบส่วนหนึ่งของตัวเองไว้ในโลกมนุษย์ สังขารของสัตว์หิมพานต์บางชนิด เมื่ออยู่ในมิติโลกมนุษย์แล้วก็จะกลายเป็นของวิเศษต่างๆไป มนุษย์ผู้มีบุพกรรมร่วมกันมาเท่านั้น ถึงจะได้นำของวิเศษเหล่านั้นไปเก็บไว้บูชาช่วยเหลือคุ้มครอง
ของวิเศษบางชนิดจะคงรูปร่างสัณฐานเดิมไว้ ไม่แปรเปลี่ยนไปจากสภาพเดิมที่เคยเป็นเมื่ออยู่ในป่าหิมพานต์ อย่างเช่น “งาช้างน้ำ” อันมาจากช้างน้ำตัวที่มีบุพกรรมร่วมกับมนุษย์มา และใกล้สิ้นอายุไข พอถึงเวลาก็ได้สละงาตนเองออกข้างหนึ่งทิ้งไว้ในป่าหิมานต์ และออกมาสู่โลกมนุษย์เพื่อเตรียมละสังขารและสละงาอีกข้างทิ้งไว้แก่มนุษย์ผู้มีบุญ ปกติแล้วช้างน้ำจะไปตามที่เดียวกันในสถานที่ๆชาวลับแลเรียกว่า “สุสานช้าง” เป็นต้น แต่ของวิเศษบางชนิดก็จะแปรสภาพไปเป็นรูปแบบสัณฐานอื่น อย่างเช่น คต, แยง, แสง, แก้ว ก็มี
เมื่อถึงที่หมายแล้วพระอาจารย์โอจึงนำ "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ลงสรงในแม่น้ำที่มีใบไม้รองรับ ก่อนจะใช้กะลามะพร้าวลักษณะประหลาดตาที่พบโดยบังเอิญในบริเวณนั้นครอบงั่งไว้อีกทีหนึ่ง ซึ่งการใช้กะลาครอบงั่งแล้วเสกแบบนี้ถือเป็นเคล็ดลับของการเสกงั่งรูปแบบหนึ่งที่พบเห็นได้ยากมาก แน่นอนว่าการพบกะลามะพร้าวอันนี้ ในช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะแบบนี้ ราวกับว่ามีคนเตรียมไว้ให้ อย่างไรก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่แท้
งั่งที่ทำให้เจ้าขุนผีราชาภูติพรายหลงใหลดั่งต้องมนต์
ตอนที่พระอาจารย์โอนำ "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ลงแช่ในแม่น้ำนั้น ได้ปรากฏว่าสายน้ำที่ไหลอยู่ในบริเวณรอบๆเริ่มเคลื่อนไหวช้าและนิ่งลงๆเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงนกที่ร้องก้องระงมก้องป่าก่อนหน้านี้ ก็กลับเงียบลงแน่นิ่งในฉับพลัน เหลือไว้แต่เพียงความเงียบผสมกับเสียงของจิ้งหรีดเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ในแม่น้ำที่ดูสงบเยือกเย็นได้มี "ช้างน้ำ" ว่ายออกมาจากวัง ตบะบารมีของช้างน้ำถึงขนาดทำให้นกทั้งหลายต้องเงียบด้วยเกรงในอำนาจบารมีของสัตว์พิเศษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เจ้าขุนผีราชาภูติพราย”
เมื่อถึงฤกษ์งามยามดี พระอาจารย์โอจึงเริ่มปลุกเสก "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ซึ่งในขณะระหว่างการปลุกเสกนั้น ลูกศิษย์ที่อยู่ไปร่วมพิธีในครั้งนี้ ก็ได้ยินเสียง “ขลุกๆ” ดังออกมาจากกะลาเป็นระยะๆ คล้ายกับเสียงของแข็งบางอย่างกระทบกับพื้นผิวด้านในของกะลา ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเสียงนั้นเกิดขึ้นจากสิ่งใด แต่ในตำรางั่งว่าไว้ว่า “ให้เสกจนกว่างั่งจะกระโดดตีหม้อได้”
ถือเป็นอันเสร็จพิธีสำหรับการปลุกเสก "งั่งหัวแก้วหัวแหวน" ในสถานที่ลับแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พระอาจารย์โอจึงได้เก็บงั่งขึ้นมาจากน้ำ แล้วจับใส่ตะกร้าเตรียมตัวเดินทางกลับวัด
บางอย่างใต้น้ำได้เอางั่งไป
ค่าปรับไหมที่ทำให้ทุกคนอัศจรรย์ใจ
คำไม้ประตูข้ามภพ
เหตุอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่พระอาจารย์โอใส่งั่งลงกะลาก่อนลอยไปตามสายน้ำเพื่อเป็น “ค่าปรับไหม” ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของป่า หากไม่ให้เขาเลย จะไม่ได้ออกจากบริเวณนั้นโดยสะดวก การเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ต้องเคารพกฏกติกาของสถานที่ ซึ่งกฏกติกาในแต่ละครั้งที่มาทำพิธีเช่นนี้ ก็จะแปรเปลี่ยนไปตามแต่วาระโอกาสขึ้นอยู่กับผู้ที่ดูแลสถานที่นั้นๆ ในช่วงเวลาตอนนั้น
ในตอนนั้นเองปรากฏว่าเมื่อกะลาที่ลอยอยู่ได้ลอยผ่านช่อง “คำไม้” ก็ได้ถูกบางสิ่งบางอย่างใต้น้ำดึงให้จมลงไปในทันที ซึ่ง “คำไม้” ในที่นี้คือช่องว่างที่อยู่ระหว่างต้นไม้สองต้นในป่าดงพงไพรอันเป็นจุดเชื่อมต่อดินแดนลี้ลับ ถึงภายนอกดูเรียบง่ายแต่นั่นคือประตูมิติที่เปิดอยู่ บางท่านเรียกประตูผี เรียกไม้สองนางก็มี ถือเป็นประตูทางผ่านของพวกภูติผีวิญญาณ
หลังจากที่พระอาจารย์โอนำงั่งลอยไปกับกะลามะพร้าวอันแรกเพื่อเป็นค่าปรับไหมแล้ว พอเหลือบตาไปมองอีกทีก็มีกะลามะพร้าวอีกอันหนึ่งวางอยู่ ทั้งๆที่ตอนแรกตัวท่านและลูกศิษย์ที่ติดตามไปด้วยกันก็มองไม่เห็น แถมยังเป็นฝาบนทั้งคู่อีกต่างหาก
ในตอนนั้นพระอาจารย์โอท่านทราบได้ในทันทีว่าการปรับไหมครั้งนี้ เสียงั่งตัวเดียวคงยังไม่พอ ท่านเลยน้ำงั่งหัวแก้วหัวแหวนอีกองค์หนึ่ง ใส่ลงไปในกะลามะพร้าวที่พึ่งเจอ แล้วจึงลอยไปกับสายน้ำ แต่ปรากฏว่าในครั้งนี้ เมื่อกะลาอันที่สองลอยไปถึงจุดที่กะลาอันแรกจมลงไป กะลาอันที่สองกลับลอยอยู่อย่างนั้น ไม่จมลงเหมือนกะลาอันแรก
- - - - - - - - - -
ความลับสวรรค์ที่ห้ามพูด
งั่งหัวแก้วหัวแหวนของพญาช้างน้ำ
งั่งหัวจิตหัวใจของเพชรพญาธร
พอรถออกมาจากอาณาบริเวณศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ซักระยะพอที่พระอาจารย์โอเห็นสมควรว่าสามารถบอกความลับป่าให้ฟังได้แล้ว พระอาจารย์โอท่านจึงบอกกับลูกศิษย์ที่ไปด้วยกันว่า “งั่งองค์แรก ช้างน้ำเขาเห็นว่าเป็นของดี เขาเลยเอากะลามาวางรอไว้ตั้งแต่ก่อนเราออกจากวัดกันแล้ว พอลอยงั่งให้ไปเขาเลยว่ายน้ำมาเอา ส่วนงั่งองค์ที่สองพวกเพชรพญาธร ข้างในป่าเขามาขอไปเก็บรักษาบ้าง เขาเลยเอากะลามาให้อีกอันนึงเพื่อให้เราลอยงั่งไปให้เขา ในเมื่อกะลาทั้ง2ใบมันเป็นของพวกเขา วัตถุอะไรที่อยู่ในกะลาก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของเขาโดยชอบธรรม”
- - - - - - - - - -
งั่งหัวแก้วหัวแหวน
งั่งที่แม้แต่กินรีต้องจำแลงมาเชยชม
พญาเงือกยังแปลงกายแหวกว่ายมาหาเหมือนต้องมนต์
พญาช้างน้ำถึงขนาดออกจากวังมารอรับไปใช้
เพชรพญาธรก็ไม่พลาดมาเอาไปเก็บรักษา
ลูกศิษย์ที่ไปกับพระอาจารย์โอได้ถามพระอาจารย์ท่านว่า “การปลุกเสกงั่งหัวแก้วหัวแหวนครั้งนี้มีใครมาช่วยเสกหรือมาดูไหมครับ?”
พระอาจารย์โอท่านได้ตอบทันทีว่า “โอ้ เยอะเลยหละทั้ง คนธรรพ์, กินรี, เงือก, ช้างน้ำ และพวกในป่าหิมพานต์ อย่างกินรีเขาก็จำแลงเป็นแมงปอที่มีปีกประกายรุ้ง อย่างเงือกก็แปลงกลายมาเป็นปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายทวนกระแสน้ำเข้ามาตอดงั่ง ส่วนช้างน้ำก็ออกจากวังมาเพื่อรอรับงั่งรุ่นนี้กลับวังโดยเฉพาะ แต่พวกเขาเหล่านี้จะโผล่มาในโลกมนุษย์โดยใช้ร่างเดิมแบบที่เขาอยู่ในหิมพานต์ไม่ได้ ถือว่าผิดกฏของเขาอย่างแรง เลยต้องจำแลงแปลงกายมาแบบนี้”
- - - - - - - - - -
เรื่องเล่าในเมืองลับแล
พระอาจารย์โอท่านเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์เกี่ยวกับดินแดนลี้ลับนี้ว่า ท่านเคยพบกับพระเขมรรูปหนึ่ง พระท่านนั้นได้บอกว่าตนเองเดินทางมาจากเมืองพนมเปญประเทศเขมร โดยใช้จุดประตู “พนมฉัตร” ในการเดินทางเข้าสู่เมืองไทยเพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ซึ่งตามตำนานที่เราเคยได้ยินกันเกี่ยวกับพระผู้มี “วิชาย่นระยะทาง” ก็อาจจะเป็นด้วยว่าพระผู้ทรงวิทยาคมเหล่านั้นได้ทราบถึงเคล็ดลับแห่งความมหัศจรรย์ของมิติลี้ลับนี้ก็เป็นได้
และท่านก็ได้เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ท่านได้เข้าไปเยี่ยมชมเมืองลับแลหรือป่าหิมพานต์ที่จุดพนมฉัตรนี้ว่า “เวลาปู่ฤาษีจันทาท่านมา ฉันก็มารับตรงนี้ เวลาท่านกลับ ฉันก็มาส่งท่านตรงนี้ ฤาษีจันทาท่านเคยพาเข้าไปดู พอเดินผ่านประตูของมิตินั้น มันจะเหมือนกับเราเดินผ่านผ้าม่าน ข้างหน้าเป็นพื้นที่กว้างใหญ่และราบเรียบเขียวขจีคล้ายสนามกอล์ฟบ้านเรา ถัดเข้าไปก็จะเป็นป่าทึบละ ตอนนั้นมีชาวบ้านในนั้นนิมต์ฉันให้อยู่ 15 วัน ข้าวของเครื่องใช้ของพวกเขาทำจากทองคำเกือบทุกอย่าง พวกนั้นบอกว่าเพราะทองมันไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง ไม่ต้องขัด เวลาล่วงผ่านไปจนถึงวันที่ 14 ชาวบ้านก็มาบอกฉันว่า พรุ่งนี้ขอนิมนต์ท่านออกไปก่อนนะเจ้าค่ะ ถ้าอยู่ต่อท่านอาจจะไม่มีชีวิตรอด เพราะเมื่อกลิ่นไอมนุษย์ท่านหมด ท่านจะออกไปไม่ได้อีกเจ้าคะ”
หลวงพ่อประเทือง ผู้เป็นหนึ่งในอาจารย์ของพระอาจารย์โอยังเคยเล่าให้พระอาจารย์โอฟังเช่นกัน ท่านว่าบางทีหลวงพ่อประเทืองท่านก็มายืนรออยู่ตรงนี้ แล้วจะมีคนมาเรียกให้เข้าไป บางครั้งรออยู่หลายวัน บางครั้งไม่กี่วันก็ได้เข้าไป ถ้าไม่มี “คนข้างใน” มาเชิญให้เข้าไป อย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้เข้า
ระยะเวลาการขาย : จนกว่าของจะหมด |
|
|
|