รายละเอียด:
งั่งกะเหรี่ยงอาคม, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
เป็นงั่งที่พระอาจารย์โอจัดสร้างขึ้นโดยใช้ "งั่งเสด็จ" องค์ในตำนานมาเป็นต้นแบบ และปลุกเสกด้วยพิธีกรรมตำหรับกะเหรี่ยงโบราณอันเป็นศาสตร์วิชาที่ชาวชนเผ่าหวงแหนยิ่ง จะสืบทอดกันในตระกูลของ "ฮี่โข่" ผู้นำทางด้านจิตวิญญานของชาวกะเหรี่ยงเท่านั้น จึงมีน้อยคนนักที่จะได้ล่วงรู้ความลับแห่งมนตรา แรงครูในสายวิชาของชาวกะเหรี่ยงขึ้นชื่อว่ามีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะวิชาทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ อย่างเช่นผงเสน่ห์ยาแฝดมีความรุนแรงฝังแน่น จนเกือบจะพูดได้ว่าไม่มีทางแก้ เพราะชาวกะเหรี่ยงค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องของประเพณีและความเชื่อเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นชาติพันธุ์ที่อาศัยในป่าเขาห่างไกลความเจริญ พวกเขาให้ความเคารพนับถือผี เชื่อเรื่องต้นไม้ป่าใหญ่มาแต่โบราณ ความเข้มขลังในวิชาต่างๆจึงยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่เสื่อมคลายไปตามยุคโลกาภิวัฒน์
Karen Magician Ngang by Phra Arjarn O, Phetchabun.
Phra Arjarn O made this Ngang by using the legendary "Teleporter Ngang" as the prototype model. He chanted & blessed this Ngang with special ancient Karen ritual, which is the knowledge & subject that the tribal people are extremely cherished. Those subjects will be inherited only in the family of "Hiko", the spiritual leader of the Karen people. Therefore, there are very few people know the secret of Karenic mantra.
The power of all Karen teachers in the spiritual world is reputed to have a very sacred mystical intensity. Especially, in the field of charm subject such as love potion powder that is very strong until could almost say that there is no solution to withdraw. Because Karen tribe are very strict about their traditions & beliefs. It is also a country that dwells in remote forests. They respect in ghosts & believe in trees since ancient times. That's why the magical intensity in various subjects of Karen still exists with the full force as it ever was without deterioration according to the globalization.
"งั่งกะเหรี่ยงอาคม" จึงมีรูปลักษณ์สุดสะดุดตา ประหนึ่งว่าเป็นตัวแทนของ จอมขมังเวทย์แห่งขุนเขา ราชันย์งั่งแห่งยอดดอย แต่งองค์ทรงเครื่องแบบชาวกะเหรี่ยงที่นิยมนำลูกปัดมาทำเป็นเครื่องประดับ สวมกำไลเงินและตุ้มหูดูเข้มขลังสง่างาม มวยผมม้วนบิดขึ้นไปดั่งมงกุฏของผู้นำชนเผ่า พระอาจารย์โอได้นำชนวนงั่งเก่าหลายๆรุ่นมาหลอมผสมรวมธาตุกับเครื่องประดับและเครื่องใช้ในพิธีกรรมมงคลของชาวกะเหรี่ยงเพื่อเป็นมวลสารของงั่งรุ่นนี้
"Karen Magician Ngang" has the most eye-catching appearance representing the great magician of the mountains, Ngang king of the top hill. He dressed up with Karen costume that is popular using beads to make a jewelry, wearing silver bracelets & earrings made him look dark & mystical. His bun is rolled up like a crown of a tribal leader. Phra Arjarn O has brought many generations of his old ngang material to fuse elements with jewelry & auspicious ritual equipments of Karen people to be the material of this Karen Magician Ngang.
ถือเป็นงั่งรุ่นพิเศษที่มีอานุภาพในด้านเมตตามหาเสน่ห์แบบทะลึ่งตึงตัง ผู้คนหลงใหลนิยมรักใคร่ เป็นมหาจังงังสุดแสนรักรัญจวนจิต สะกดให้ใครต่อใครงงงวยอ่อนใจดั่งต้องมนต์สาป ปลุกกำหนัดเพศตรงข้ามให้ร้อนระทวยสั่นสะท้านถึงขั้นขาดสติ โดยเฉพาะชายโสดอยากมีคู่ต้องพกมีไว้คู่กาย เพราะอานุภาพของงั่งกะเหรี่ยงอาคม จะดึงดูดสาวงามนางในฝันเข้ามาหาสู่อยู่ไม่ขาด ตามเคล็ดลับประเพณีการแต่งงานของชาวกะเหรี่ยงที่มีกฏว่า "ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นฝ่ายไปขอฝ่ายชาย"
It is a special model of Ngang that has the power of mercy, great charm, & he is very cheeky. It will make people around feel passionate in mind, stunning in love and anxious in heart. It will spell anyone to be bewildered & faint like a charming curse, stirred up the heat of the opposite sex until trembling to the point of unconsciousness. Especially, suitable for single men who wants to have a love partner because of the power of Karen Magician Ngang will attract a lot of beautiful woman come according to the Karen wedding tradition tips ruled that "Female Must Be The Person To Ask The Male For Marriage”.
รากเหง้าแห่งเผ่าพันธุ์ จากจัณฑาลขึ้นสู่ราชันย์
กี่ร้อยพันปียังคงเข้มขลัง ล่วงพ้นความเสื่อมทั้งปวง!!
Roots of the race From the untouchable to the king.
How many hundred thousand years are still magical.
กลิ่นไอแห่งป่าเขา มนต์ขลังแห่งชาวกะเหรี่ยง เครื่องรางที่ถูกสร้างมาให้ล่วงพ้นความเสื่อม อยากได้สักที อยากมีสักหน ควรมีไว้บูชาอย่างยิ่ง "งั่งกะเหรี่ยงอาคม"
The smell of the forest, The magic of the Karen people. An amulet that was created to transcend the degradation. "Karen Magician Ngang".
พระอาจารย์โอนำ "งั่งเงาะระเด่นลันได" พร้อม "งั่งกะเหรี่ยงอาคม" วางนอนนั่งเรียงรายบนผืนทรายเสก เพื่อเชื่อมพลังฟ้าดิน ดึงดูดพลังแห่งจันทรา เตรียมอาบแสงพระจันทร์เต็มดวง ในวันเพ็ญเดือน12 เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563
Phra Arjarn O placed "Radenlandai Ngor Ngang" & "Karen Magician Ngang" on the holy sand to connect the power of land & sky together for receiving lunar magical power by bathing the full moon light of the full moon night on Saturday 31 October 2020.
งั่งเสด็จในตำนานองค์ต้นแบบงั่งกะเหรี่ยงอาคม
งั่งองค์ต้นแบบของ "งั่งกะเหรี่ยงอาคม" เป็นของรักของหวงของพระอาจารย์โอที่ท่านติดตามเฝ้าดูมากว่า 20 ปี เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อนพระอาจารย์โอท่านได้มีโอกาสไปที่บ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง บรรพบุรุษของแกมีศักดิ์เป็นถึงท่านขุน มีทรัพย์สมบัติมากมาย เพราะตระกูลของแกได้รับสัมปทานค้าไม้จากทางรัฐ ซึ่งนอกจากจะร่ำรวยอย่างมากแล้ว แกยังเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง ชื่อเสียงบารมีของแกแผ่กว้างครอบคลุมไปหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ชนิดที่ว่าหากเอ่ยชื่อแกขึ้นมา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือแม้แต่นักการเมืองในสมัยนั้นยังต้องให้ความยำเกรง
แม้บ้านแกจะหลังใหญ่โตโอ่อ่า แต่จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่แกหวงห้ามไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามเข้าใกล้โดยไม่จำเป็น แม้แต่คนในครอบครัวแกเองก็ต้องปฏิบัติตาม นั่นคือบริเวณ "เสาเอก" ของบ้าน โดยที่ปลายเสาต้นนั้นจะเป็นที่ตั้งหิ้งบูชาไหว้ครูไหว้บรรพบุรุษของตระกูลที่แกนับถือมาจากรุ่นสู่รุ่น
เป็นที่รู้กันอย่างลับๆในหมู่คนเล่นของ นักล่าของวิเศษระแวกนั้นว่าเศรษฐีท่านนี้แกมีของดีทีเด็ดอยู่ 2 ชิ้นที่คอยหนุนนำชีวิตแกอยู่ พระอาจารย์โอก็ทราบถึงเรื่องนี้ดี โดยในวันที่พระอาจารย์โอได้พูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนกับแกที่บ้าน พระอาจารย์ท่านก็นำงั่งที่ท่านพกอยู่ออกมาให้ท่านเศรษฐีชม ด้วยความที่ท่านเศรษฐีแกก็กลัวจะน้อยหน้า แกก็บอกพระอาจารย์ว่าแกก็มีงั่งที่เด็ดดวงไม่แพ้กัน แล้วแกก็เอามือจับๆลูบๆตรงเสาเอกสักพัก จนเกิดช่องว่างที่เสาเหมือนหน้าต่างที่ถูกดันขึ้นไป เป็นกลไกที่ทำไว้เป็นช่องลับ ข้างในเสานั้นมีห่อผ้าอยู่ห่อนึง พอแกหยิบห่อผ้าออกมา แกก็พูดดักคอไว้ก่อนเลยว่า "ดูได้แต่ห้ามจับ เดี๋ยวผิดกะบูน" เพราะแกกลัวว่าคนที่จับของแกจะมีคาถาเรียกของไป และพอแกะห่อผ้าออกเปิดออกดู ก็พบกับวัตถุ2ชิ้น ชิ้นหนึ่งแกบอกว่าเป็น "งาเอี่ยน" หรืองาปลาไหล ส่วนชิ้นที่สองเป็น "งั่งเสด็จ"
หลังจากนั้น20ปีผ่านไป เศรษฐีท่านนี้ก็ถึงได้ถึงแก่กรรม พอถึงตอนแบ่งมรดกให้ลูกชายทั้งสองคน ด้วยความที่ลูกแกเป็นคนสมัยใหม่ ก็เลยไม่มีใครสนใจเรื่องเครื่องรางของขลังหรือของดีที่อยู่ในเสาเอกต้นนั้นเลย พอพระอาจารย์โอท่านทราบถึงข่าวการมรณกรรมของท่านเศรษฐี จึงให้ลูกศิษย์นำของมีค่าบางอย่างไปขอแลกงาปลาไหลกับงั่งเสด็จมาได้สำเร็จในที่สุด
ส่วนเหตุที่งั่งองค์นี้ถูกเรียกว่า "งั่งเสด็จ" ก็มาจากพิธีกรรมในการสร้างที่สุดแสนจะลึกล้ำพิสดารโดยสำนักที่ตั้งอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก ซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากว่าสำนักนี้เป็น "ตักศิลา" อย่างแท้จริง เพราะภายในถ้ำแห่งนั้นในอดีตเมื่อประมาณ 70-80 ปีก่อน เคยเป็นที่รวบรวมสรรพวิชาวิทยาการและของล้ำค่าแห่งยุคโบราณมากที่สุดแห่งหนึ่ง มีทั้งคัมภีร์, พระพุทธรูป, เทวรูป และของสำคัญทางประวัติศาสตร์เก่าแก่มากมาย
แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งว่าในสมัยหนึ่ง ได้มีกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลนำของมีค่าทั้งหมดในถ้ำออกมาทำลาย บ้างก็ส่งขายนักสะสมชาวต่างชาติไป และถ้าหากสงสัยว่าของล้ำค่าในถ้ำนั้นมีมากมายมหาศาลขนาดไหน ก็จะขอยกตัวอย่างกล่าวถึงเพียงแค่จำนวนของคัมภีร์และตำราให้ได้ฟังกัน ลองคิดตามดูว่าในการทำลายรากเหง้าภูมิปัญญาของบรรพชนในครั้งนั้น มีการขนนำคัมภีร์และตำราต่างๆจากในถ้ำออกมากองรวมกันแล้วสุมไฟเผา ในพื้นที่กว้างขนาดประมาณ1ไร่ จนความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้สามารถทำให้พื้นผืนดินบริเวณนั้นยุบตัวลงไปเป็นแอ่งใหญ่เลยทีเดียว ปัจจุบันนี้แอ่งที่ว่าได้กลายเป็นสระน้ำและทุกวันนี้ก็ยังคงมีอยู่ให้เห็น ว่ากันว่าเหตุการณ์น่าสะเทือนใจในครั้งนั้น แม้แต่เทพยาดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในผืนปฐพี ก็ไม่อาจรับได้จนต้องยุบตัวเองลงไปเพื่อแสดงตนว่าไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การสร้างงั่งเสด็จของสำนักนี้จะเริ่มจากการนำขี้ผึ้งมาปั้นขึ้นรูปให้เป็นหุ่นขี้ผึ้งต้นแบบของ "องค์งั่ง" ก่อนจะนำขี้ผึ้งอีกชนิดหนึ่งมาพอกทับแล้วจึงเอาเชือกสายสิญจน์พันวนรอบจากล่างขึ้นบนจนมีรูปร่างคล้ายกับพีระมิด เสร็จแล้วจึงเอาผ้ายันต์มาคลุมหุ้มอีกชั้นหนึ่ง แล้วก็พอกขี้ผึ้งทับก่อนพันเชือกสายสิญจน์อีกครั้ง ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนครบถ้วนตามตำรา โดยด้านบนสุดจะมีไส้เทียนไว้สำหรับจุดไฟ
หุ่นขี้ผึ้งจะถูกนำไปวางไว้ในใจกลางของปะรำพิธี และเมื่อถึงฤกษ์ยามดิถีอันเหมาะสม เกจิอาจารย์ผู้สร้างจะจุดไฟที่ไส้เทียน แล้วนั่งบริกรรมคาถาตลอดจนกว่าขี้ผึ้งจะละลายหมด โดยตลอดระยะเวลาที่ไส้เทียนและผ้ายันต์กำลังไหม้พร้อมกับขี้ผึ้งที่กำลังละลายไปพร้อมกัน จะมีประกายไฟพร้อมกับเสียงดังแปล๊บๆอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับว่ามีอะไรวิ่งเข้าไปโดนไฟยังไงยังงั้น และเมื่อพิธีเสร็จสิ้นลง จากงั่งที่เคยเป็นแค่เพียงหุ่นขี้ผึ้ง ก็จะกลายเป็นงั่งเนื้อโลหะชนิดพิเศษที่เรียกว่า "ธาตุซัด" งั่งองค์นี้จึงถูกเรียกว่างั่งเสด็จเพราะมวลสสารโลหะที่มารวมกันจนอุบัติขึ้นเป็นองค์งั่ง ค่อยๆเหาะเหิน "เสด็จมาในอากาศ" เข้าไปแทนที่หุ่นพิมพ์ขี้ผึ้งที่ละนิดๆจนกลายเป็นงั่งขึ้นมา ไม่ได้เกิดขึ้นจากกรรมวิธีหลอมโลหะแล้วเทลงแม่พิมพ์แบบปกติ ตามตัวงั่งจึงไม่มีรอยตัดช่อชนวนหรือรอยตะไบปรากฏให้เห็น นี่คือความมหัศจรรย์ของการสร้าง "งั่งเสด็จ" ที่เป็นตำนานและยังคงเป็นปริศนาลึกลับให้ผู้คนกล่าวขานอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดูน้อยลง