รายละเอียด:
ตำนานกบกินเดือน
"กบกินเดือน" คืออีกรูปแบบหนึ่งของเครื่องรางประเภท "ราหู" อย่างปรากฏการณ์ "ราหูอมจันทร์" บางพื้นที่ก็จะเรียกว่า "กบกินเดือน" และปรากฏการณ์ "ราหูอมพระอาทิตย์" ก็จะเรียกว่า "กบกินตะวัน" โดยตำนานเกี่ยวกับกบกินเดือนที่พระอาจารย์โอได้ยินมาคือ "เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพญากบโพธิสัตว์นั้น พญากบได้ยกทัพไปต่อสู้กับพญาแถน(พระพรหม) เพื่อให้พญาแถนปันน้ำ คือทำให้ฝนตกลงมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ด้วยเหตุที่ว่าพอข้าวที่ชาวบ้านปลูกไว้กำลังงอกงาม ฝนก็ตกลงมาจนทำให้ข้าวที่ปลูกไว้เสียหาย แต่พอถึงช่วงที่ชาวบ้านต้องการน้ำเพื่อเพาะปลูกข้าว ฝนก็ไม่ตกลงมา ทำให้ข้าวแห้งตาย โดยการต่อสู้ระหว่างพญากบและพญาแถนครั้งนั้น พญาแถนได้พ่ายแพ้ต่อพญากบและยอมทำตามความต้องการของพญากบ ซึ่งพญาแถนได้ถามพญากบว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อใดท่านต้องการหรือไม่ต้องการให้ฝนตก พญากบจึงว่า หากฉันอยากให้ฝนตกหรือไม่ตก ก็จะส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณบอกให้แล้วกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีวลีที่ว่า เดือนหกกบร้องเรียกฝนบนฟ้า"
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตำนานเกี่ยวกับกบกินเดือน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านที่แสดงความเชื่อของชาวบ้านในการอธิบายเหตุเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราสและจันทรคราสซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติซึ่งผู้คนในอดีตเชื่อว่าเกิดขึ้นเพราะอิทธิปาฏิหาริย์และสิ่งเหนือธรรมชาติที่มีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์
จากการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำนาน กบกินเดือน ในวิถีชีวิตวัฒนธรรมของคนไทย-ไททั้งในประเทศไทยและนอกประเทศไทย พบว่าการเรียกชื่อเหตุการณ์สุริยคราสและจันทรคราสมีลักษณะเหมือนคล้ายและแตกต่างกัน กล่าวคือ บางถิ่นจะเรียกสุริยคราสว่า ตะวันจั๋บ, ราหูสูนตาเว้น, แงงกินตาเว้น, หมีกินตะวัน, ราหูอมพระอาทิตย์ หรือ กบกินตะวัน ส่วนจันทรคราสจะเรียกว่า จะคาดตือเดือน, เดือนจั๋บ, ราหูอมจันทร์, ราหูสูนจันทร์ หรือ กบกินเดือน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คำเรียกเหตุการณ์สุริยคราสและจันทรคราสที่นิยมและรู้จักกันแพร่หลายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะคนไทยที่อาศัยอยู่นอกประเทศไทย รวมทั้งคนไทยยวนล้านนา และไทยอีสาน ส่วนมากจะเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “กบกินเดือนและกบกินตะวัน” ทั้งๆ ที่บางสำนวนอาจไม่มีตัวละครที่เป็นกบปรากฏอยู่ในเนื้อหาเลยก็ตาม ส่วนคนไทยภาคกลางและภาคใต้นั้นไม่พบการเรียกชื่อเหตุการณ์สุริยคราสและจันทรคราสว่า “กบกินเดือน” แต่จะเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “ราหูอมจันทร์” มากกว่า
เนื้อหาตำนาน กบกินเดือน ของชาวไทดำเล่าว่า แต่ก่อนคนกับสัตว์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ บ้านเมืองเกิดความแห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่ตก ผู้คนจึงค้นหาตัวกบตัวเขียดมาทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แถนอยู่เมืองฟ้าจึงได้ส่งฝนให้ตกลงมา ทำให้น้ำท่วมโลก สัตว์ต่างๆ ตายจนหมด ภายหลังแถนจึงได้ส่งตะวัน ๑๒ ดวง และเดือน ๑๒ ดวง ลงมายังเมืองมนุษย์ ทำให้น้ำแห้งจนแล้ง เวลานั้นยังมีคนกับกบเหลืออยู่ แต่ก่อนฟ้ากับดินอยู่ใกล้กันมาก คนจึงบอกให้กบปีนขึ้นไปกินเดือนกินตะวันเพื่อให้หายร้อน และจะทำให้มีกลางวันกลางคืน เมื่อกบขึ้นไปกินเดือนกินตะวันก็เกิดความอร่อย จึงได้กินไปจนเหลือดวงสุดท้าย ผู้คนกลัวว่ากบจะกินเดือนกินตะวันไปจนหมดซึ่งจะทำให้มนุษย์นั้นเกิดความเดือนร้อนยิ่งนัก จึงได้ตีเกราะเคาะไม้ จุดประทัด บ้างก็ส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อเรียกตัวกบลงมา เมื่อกบลงมาแล้วก็ได้ถามมนุษย์ว่าเรียกตนลงมาทำไม มนุษย์จึงบอกตัวกบว่าไม่ให้กินเดือนกินตะวัน แต่กบก็ไม่เชื่อฟัง จึงได้ปีนไต่ฟ้าขึ้นไปกินเดือนกินตะวันอยู่เนืองๆ จึงเป็นเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้
ตำนาน กบกินเดือน พบในกลุ่มไทยอีสานและไทยยวนล้านนา รวมทั้งกลุ่มคนลาวในประเทศลาว และไทดำไทขาวในเวียดนามด้วย ทั้งนี้เรื่อง กบกินเดือนกบกินตะวัน เป็นเรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากคติความเชื่อที่มีมาแต่เดิมของกลุ่มคนไท ซึ่งยังคงมีกลิ่นอายของการนับถือธรรมชาติและการนับถือผีปะปนรวมอยู่ด้วย ดังจะเห็นได้จากรูปสัตว์สัญลักษณ์ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์สุริยคราสและจันทรคราสคือ “กบ” ที่เป็นตัวละครที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นมา
นอกจากนี้ ในหนังสือ ไทบ้านดูดาว ยังกล่าวถึงบันทึกในสมุดไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์ กล่าวถึงความเชื่อของชาวบ้านที่สัมพันธ์กับการเกิด กบกินเดือน ไว้ดังนี้
• กินแล้วขี้ หรือจันทร์สว่างด้านล่างก่อน ปีนั้นข้าวจะแพง
• กินแล้วคาย หรือจันทร์สว่างด้านบนก่อน ปีนั้นสินค้าจะแพง
• กินแล้วพุงแตก หรือจันทร์สว่างด้านข้างก่อน ปีนั้นคนท้องจะมีอันตราย
The Legend Of Frog Eats Moon.
"Frog Eats Moon" is another form of "Rahu" amulet. Because some people call the natural phenomenon "Solar Eclipse" as "Frog Eats Sun" and "Lunar Eclipse" as "Frog Eats Moon". Phra Arjarn O said that there are many legend stories about "Frog Eats Moon". One of those is that "A long long time ago when Buddha born to be the giant Bodhisattva frog, one day the giant Bodhisattva frog flew up to the sky and fought with "Phaya Taen"(Brahma). The giant Bodhisattva frog did like that because when the rice was exuberant, the rain was falling down until the rice died. In the others hand, when the villager wanted raining to grow their rice, the rain was not raining down. Therefore, the giant Bodhisattva frog wanted Phaya Taen give the raining to the villager on the suitable time. Finally, the giant Bodhisattva frog won the fight and agreed to do what the giant Bodhisattva frog requested. Then, Phaya Taen asked the giant Bodhisattva frog that how do i know you want me to give raining or stop raining? the giant Bodhisattva frog answered if i want you to give raining, i will croak my sound. That's why nowadays before the raining come, we will hear frogs make a croaking sound."
Moreover, there are many legend about "Frog Eats Moon" around the world. According to National Geographic, many people believed mythical animals consumed the sun or moon during an eclipse. Vikings believed it was wolves, and in Vietnam, it was believed “When the sun or moon is eclipsed it is because a great frog up in the sky is trying to swallow it. In Chinese, the earliest word for eclipse, shih, translates to "to eat." They believed it was a dragon that consumed the sun during an eclipse.
To scare away mystical animals or demons that consume the sun or the moon during an eclipse, many cultures banged pots and pans or drums to create loud noises.
Eclipses, both lunar and solar, play a fascinating part in Cherokee legend. The Cherokee tribal territory covered the Southern Appalachian Mountains and included these Mountains and Valleys in Helen and Sautee Nacoochee. The Cherokee observed eclipses for millennia, and have several names for them. The oldest is “Nvdo walosi ugisgo.” The literal translation is “Sun/Moon frog it-eats-the-round-thing-habitually,” or “The frog eats the sun/moon.” This refers to the traditional belief that the eclipse is caused by a giant frog swallowing the sun or moon. To scare the frog away, the Cherokee people made loud noises for the duration of the eclipse.
กบกินเดือน, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
"กบกินเดือน" มีพุทธคุณโดดเด่นไปทางโภคทรัพย์และโชคลาภ หาเงินง่ายเป็นกระสอบ หาทองได้เป็นกองพะเนิน หากินเก่งมากมายขนาดพระอาทิตย์และพระจันทร์ยังไม่รอดพ้นถูกพญากบรับประทานมาแล้ว และยังช่วยค้ำชูหนุนดวงชะตา ดับเคราะห์เข็ญเวรภัย เหมือนดั่งวัตถุมงคลราหูชั้นยอด เรื่องเสน่ห์เมตตาก็ใช่ย่อย ใครเห็นก็หลงรัก มีเสน่ห์ตราตรึง เป็นที่ "กินใจ" เหลือหลาย
จัดสร้างทั้งหมด 2 แบบ:
1. องค์ครู (บูชา 50,000 บาท)
2. องค์พิเศษ (บูชา 300 บาท)
Frog Eats Moon by Phra Arjarn O, Phetchabun.
"Frog Eats Moon" has high wealthy & lucky power. It will support the owner to have easier way to find money and profit. This holy frog is one of the most mighty eater of the universe because even the sun & the moon had ever been eaten. Moreover, this amulet also has holy ability as same as "Rahu" amulet can do because "Frog Eats Moon" will support the owner's destiny, turn off the misfortune, eliminate harm and danger. Futhermore, "Frog Eats Moon" is excellent in charm & love, the owner of this amulet will "Bear In Mind" of everyone.
There are 2 types made:
1. Supreme Type. (Price 50,000 Baht)
2. Special Type. (Price 300 Baht)
กบกินเดือน "องค์ครู" (บูชา 50,000 บาท)
-แกะจาก "ไม้มณีโคตร" ผู้ใดได้ครอบครองไว้บูชาถือเป็นเกียรติยศแห่งชีวิต เป็นเกียรติประวัติแห่งมนุษยชาติ แกะจากไม้ที่ได้ชื่อว่ามีเพียงต้นเดียวในโลกนามว่า “มณีโคตร” อันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งและมีดวงจิตเทพวิญญาณเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุรักษา มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพกาลสมัยพญาแถนปันฟ้า ผีปันน้ำได้บังเกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นได้มี3สิ่งอุบัติขึ้นมาครั้งแรกก่อนสิ่งใดๆในโลกประกอบไปด้วย
1.ต้นมณีโคตร ถือว่าเป็นต้นไม้วิเศษอันเป็นต้นกำเนิดแห่งธัญพืชทั้งมวล เพราะเมื่อต้นมณีโคตรได้ออกผลจนหมากไม้มณีโคตรร่วงลงสู่พื้น หมากไม้มณีโคตรก็จะกลายเป็นไม้พรรณพฤกษานานาพันธุ์ เช่น ข้าวฝ้าง, ข้าวสาลี, ข้าวโพด และผลไม้ รวมทั้งพืชพันธุ์ชนิดต่างๆ
2.เครือเขาขาด ถือว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง มีลักษณะเป็นเถาวัลย์ที่มีปล้อง และเมื่อถึงเวลาเถาวัลย์ของเครือเขาขาดจะขยายออกเป็นปล่องและบวมขึ้นจนแตกออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ทุกชนิด
3.ว่านไพรดำ ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของว่านวิเศษต่างอันมีฤทธิ์ เป็นราชาของว่านทั้งปวง เป็นต้นว่านวิเศษที่เป็นต้นกำเนิดเหล็กไหล เพราะมักเจออยู่ร่วมกันและจะขาดจากกันไม่ได้ ทั้งยังเป็นแหล่งก่อเกิดของกายสิทธิ์ทั้งปวง เช่น คต เขี้ยว เขา นอ งา กะลา แร่ธาตุ เป๊ก แหย่ง แสง แก้วอาถรรพ์ เพราะของวิเศษเหล่านี้ล้วนต้องมาเสพเอาไอจากไพรดำไปเป็นพลังกายสิทธิ์ทั้งสิ้น
+ต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกา+
ต้นมณีโคตรต้นนี้อยู่ที่น้ำตกคอนตะเพ็ง ประเทศลาว เติบโตอยู่ท่ามกลางตำนาน บนแง่หินที่เป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ที่กล่าวกันว่าไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดไปถึง หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วก็อย่าแม้แต่หวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ทั่วโลกต่างหมายปองที่จะได้ศึกษาต้นมณีโคตรนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังไม่เคยมีใครสามารถเข้าไปใกล้ได้เลย จะมีเพียงก็แต่นกกระยางขาวและอีกา ที่มีโอกาสได้บินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรเฉพาะวันพระเท่านั้น
ต้นมณีโคตรเป็นต้นไม้พิเศษและพิศดารเหนือธรรมชาติเพราะรากแก้วที่ควรจะอยู่ในดินกลับชี้ขึ้นฟ้า ส่วนกิ่งก้านสาขาที่ควรจะอยู่บนพื้นดินกลับชี้ลงดินโดยยังเจริญงอกงามอยู่ได้โดยไม่เฉาตายมากว่าพันปี ต้นมณีโคตรนั้นมี3กิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ชาวลาวเชื่อกันว่ากิ่งของต้นมณีโคตรนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้ ชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยทั้ง3กิ่งจะชี้ไป3ทิศ กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งลาว(ทิศเหนือ) ซึ่งเชื่อกันว่า ใครได้กินผลหมากไม้มณีโคตรที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งเขมร(ทิศใต้) เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งนั้นชี้ไปทางฝั่งไทย(ทิศตะวันออก) เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้จะหนุ่มสาวขึ้นและมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์
เหตุด้วยบุญพาวาสนาส่ง จึงได้มีทหารชาวลาวนำมาถวายพระอาจารย์โอหลังจากต้นมณีโคตรได้ล้มลงในปี2555 เมื่อพระอาจารย์ได้ไม้มณีโตรมาจึงได้ทำการแกะเป็น "กบกินเดือน" สรรค์สร้างและปลุกเสกฝากไว้ในโลกา
-ด้านหลังมวลสารเป็น "พญากบโพธิสัตว์" จำศีลนิพพานคารู พระอาจารย์โอได้แต่งขันธ์5ก่อนนำมาพลี และตำเป็นมวลสาร ก่อนจะผสมกับ "ผงวิเศษทั้ง 5" ประกอบไปด้วย:
1.ผงปถมัง
-เป็นผงที่ว่าด้วยการเกิดทั้งมวล ว่าด้วยการเกิดแห่งของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ โดยบทเริ่มต้นจะขึ้นว่า "ปถมัง พิณธุกัง ชาตัง" อันหมายความว่า "จุดเล็กๆนี้คือพิณธุ อันเป็นปฐมแห่งการกำเนิดทุกสิ่ง กำเนิดชีวิต กำเนิดสิ่งดีงามสิ่งมงคลทั้งหลาย"
2.ผงมหาราช
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งมหาราช มหาราชาแห่งธรรมทั้งมวล ว่าด้วยโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม เปนองค์แห่งความเป็นไปแห่งความเจริญรุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว
3.ผงอิธิเจ
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดจากมูลกัจจายนะ แห่งการสนธิมูล เป็นบาลีไวยกรณ์ที่ใช้เล่าเรียนกันในหมู่คณะสงฆ์ยุคโบราณ ซึ่งเป็นการถอดเอาข้ออรรถข้อธรรมและหัวใจในคำภีร์ออกมาได้อย่างวิจิตรพิสดารจนมีอาณุภาพในทางเสน่ห์เมตตาอย่างรุนแรง ดึงดูดจิตใจผู้คนสิ่งของหรือแม้แต่สัตว์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ที่พบเห็น
4.ผงตรีนิสิงเห
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งทวยเทพทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดินยี่สิบสี่บาดาลตลอดจนถึงการกำเนิดแห่งองค์พุทธะ ซึ่งในการประกอบพิธีมงคลต่างๆ จะขาดองค์ตรีนิสิงเหนี้มิได้เลย
5.ผงพุทธคุณ
-เป็นผงที่เกิดจากการเดินกลบทตามสนธิ์สร้อยสูตรตามคำภีร์รัตนมาลา ทำให้บังเกิดคุณแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆานุภาพอย่างเอกอุ
-ฝัง "เมล็ดส้มป่อยอินทร์ประทาน"
Frog Eats Moon "Supreme Type". (Price 50,000 Baht)
-Carved from the wood of the "Manikhot tree". This amulet no need maintenance, The owner can pray for any wish they want because this wood has the deity power remain inside. Very recommended for the person who like the rare amulet because Manikhot tree is the only one in the world.
According to legend, the manikhot is a holy tree mentioned in the ancient Sanskrit epic Pra Lak-Pra Lam, or Ramayana. This tree is near the waterfalls Khone Phapheng, in 4000islands, in Champassak province, near the Cambodian border. The "manikhot", a sacred tree in the Buddhist tradition, was carried by the Mekong River in March 2012. A Buddhist ceremony held every year to dedicate the tree with three branches.
The legend states that eating the fruits from the first limb of this tree will bring eternal youth and long life, while fruits from the second limb will bring great power and status. But fruits from the third limb, pointing to the west, bring bad luck and the eater will turn into a monkey. People still believe the tree is holy and has the powers stated in the legend.
The history of the manikhot tree at Khonphapheng is unknown but local residents say it has been there since they were born. Some people insist it has been standing for at least 500years, since the era of the Lane Xang Kingdom.
-Backside is the holy powder made of "Bodhisattva frog" that practiced hibernation until die by itself. Phra Arjarn O blended "Bodhisattva frog" to be powder before mixed with 5Holy Powders” consisted of:
1. Pattamung powder which refer to the origin of living things in the world.
2. Maharart powder which refer to the origin of king and the origin of flourish.
3. Itthije powder which referring to the charming and attraction power which effect for both of human and animals.
4. Trinisinghe powder which refer to the origin of god from 16levels of the sky, 15levels of the ground and 24levels of the nether world.
5. Putthakhun powder which refer to the holy power of Buddha, Dharma and Sangkha.
-Adding "Indra's Granting Soap Pod Seed".
กบกินเดือน "องค์พิเศษ" (บูชา 300 บาท)
-มวลสารเป็น "พญากบโพธิสัตว์" จำศีลนิพพานคารู พระอาจารย์โอได้แต่งขันธ์5ก่อนนำมาพลี และตำเป็นมวลสาร ก่อนจะผสมกับ "ผงวิเศษทั้ง 5" ประกอบไปด้วย:
1.ผงปถมัง
-เป็นผงที่ว่าด้วยการเกิดทั้งมวล ว่าด้วยการเกิดแห่งของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ โดยบทเริ่มต้นจะขึ้นว่า "ปถมัง พิณธุกัง ชาตัง" อันหมายความว่า "จุดเล็กๆนี้คือพิณธุ อันเป็นปฐมแห่งการกำเนิดทุกสิ่ง กำเนิดชีวิต กำเนิดสิ่งดีงามสิ่งมงคลทั้งหลาย"
2.ผงมหาราช
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งมหาราช มหาราชาแห่งธรรมทั้งมวล ว่าด้วยโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม เปนองค์แห่งความเป็นไปแห่งความเจริญรุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว
3.ผงอิธิเจ
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดจากมูลกัจจายนะ แห่งการสนธิมูล เป็นบาลีไวยกรณ์ที่ใช้เล่าเรียนกันในหมู่คณะสงฆ์ยุคโบราณ ซึ่งเป็นการถอดเอาข้ออรรถข้อธรรมและหัวใจในคำภีร์ออกมาได้อย่างวิจิตรพิสดารจนมีอาณุภาพในทางเสน่ห์เมตตาอย่างรุนแรง ดึงดูดจิตใจผู้คนสิ่งของหรือแม้แต่สัตว์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ที่พบเห็น
4.ผงตรีนิสิงเห
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งทวยเทพทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดินยี่สิบสี่บาดาลตลอดจนถึงการกำเนิดแห่งองค์พุทธะ ซึ่งในการประกอบพิธีมงคลต่างๆ จะขาดองค์ตรีนิสิงเหนี้มิได้เลย
5.ผงพุทธคุณ
-เป็นผงที่เกิดจากการเดินกลบทตามสนธิ์สร้อยสูตรตามคำภีร์รัตนมาลา ทำให้บังเกิดคุณแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆานุภาพอย่างเอกอุ
Frog Eats Moon "Special Type". (Price 300Baht)
-Made of "Bodhisattva frog" that practiced hibernation until die by itself. Phra Arjarn O blended "Bodhisattva frog" to be powder before mixed with "5 Holy Powders” consisted of:
1. Pattamung powder which refer to the origin of living things in the world.
2. Maharart powder which refer to the origin of king and the origin of flourish.
3. Itthije powder which referring to the charming and attraction power which effect for both of human and animals.
4. Trinisinghe powder which refer to the origin of god from 16levels of the sky, 15levels of the ground and 24levels of the nether world.
5. Putthakhun powder which refer to the holy power of Buddha, Dharma and Sangkha.
ของขวัญจากพระอินทร์
"ส้มป่อยอินทร์ประทาน" เป็นฝักส้มป่อยที่ผ่านการเก็บเกี่ยวมาโดยกรรมวิธีพิเศษ โดยแรกเริ่มนั้นพระอาจารย์โอจะต้องทำพิธีเก็บส้มป่อยก่อนนกยูงร้องในเดือนสามของวันที่มีฤกษ์มงคลที่สุด เพราะเชื่อว่าหากนกยูงร้องแล้วฤทธิ์ของส้มป่อยจะเสื่อมลง ดังนั้นในหนึ่งปีจะมีแค่วันเดียวเท่านั้นที่จะทำพิธีเก็บส้มป่อยแบบนี้ได้
การทำพิธีเก็บส้มป่อยอินทร์ประทาน ต้องทำภายใต้ต้นส้มป่อย โดยจะมีการอัญเชิญเทวดาและร่ายบริกรรมพระเวทย์คาถา จนกว่าฝักของส้มป่อยจะร่วงลงมาเอง จึงถือว่าใช้ได้ ว่ากันว่าฝักส้มป่อยที่ร่วงลงมาเป็นของวิเศษที่พระอินทร์ประทานมาให้ หลังจากได้ฝักส้มป่อยมาแล้ว ก็จะต้องนำไปปลุกเสกในพิธีใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะนำไปป้อนกินกันช่วงฤกษ์มงคลของเดือน5 ในช่วงจังหวะเวลาและวันเฉพาะในการกิน ถึงจะส่งผลดีที่สุด
ส้มป่อยเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์มาแต่เมืองสวรรค์ การกินส้มป่อยก็เพื่อล้างอาถรรพ์ ถอดถอนสิ่งไม่ดีทั้งปวง และเสริมอำนาจวาสนา ค้ำชูดวงชะตา ดับทุกข์โศกโรคภัยแก่ผู้รับประทาน ด้วยเหตุที่ว่าคนไหนไม่มีโชค หรือมีเสนียดจังไรอยู่ เมื่อหมดความไม่เป็นมงคลหมดไปจากตัวแล้ว โชคลาภอันพึงมี ก็จะได้มาตามวาสนาไม่ยากนั่นเอง ในปีนี้พระอาจารย์โอได้ฝักส้มป่อยมาไม่มาก จึงไม่พอกับการป้อนให้ศิษย์ของท่านกินกันได้ครบทุกคน จึงได้นำส้มป่อยอินทร์ประทานมาเป็นสุดยอดมวลสารมงคลในสร้างกบกินเดือนรุ่นนี้
Special Gift From Indra.
"Indra's Granting Soap Pod" from the soap pod (Acacia concinna) that was harvested by special method. Firstly, Phra Arjarn O harvested the soap pod fruit on the most auspicious day of March before the peacock sing a song because the holy power of soap pod will be decreased if it hear peacock's sound. Therefore, there is only one day of the year that Phra Arjarn O can harvest the special type of soap pod like this.
The method to harvest "Indra's Granting Soap Pod" is that Phra Arjarn O must do the specific ceremony and chanting spell under the soap pod tree until the soap pod fruit fall down to the ground by itself like as the holy gift from Indra so it was called "Indra's Granting Soap Pod". Afterthat, Phra Arjarn O will bless "Indra's Granting Soap Pod" in the big ceremony first before feed it to his discples on May.
Who eat "Indra's Granting Soap Pod" will be very lucky in life because the holy power of it will clear misfortune and negative energy out of the consumer. This year Phra Arjarn O got a few amount of "Indra's Granting Soap Pod" that is not sufficient to feed all of his disciples so, he took "Indra's Granting Soap Pod" to be the material of "Frog Eats Moon".
ต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกา
ไม้ที่ได้ชื่อว่ามีเพียงต้นเดียวในโลกนามว่า “มณีโคตร” อันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งและมีดวงจิตเทพวิญญาณเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุรักษา มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพกาลสมัยพญาแถนปันฟ้า ผีปันน้ำได้บังเกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นได้มี3สิ่งอุบัติขึ้นมาครั้งแรกก่อนสิ่งใดๆในโลกประกอบไปด้วย
1.ต้นมณีโคตร ถือว่าเป็นต้นไม้วิเศษอันเป็นต้นกำเนิดแห่งธัญพืชทั้งมวล เพราะเมื่อต้นมณีโคตรได้ออกผลจนหมากไม้มณีโคตรร่วงลงสู่พื้น หมากไม้มณีโคตรก็จะกลายเป็นไม้พรรณพฤกษานานาพันธุ์ เช่น ข้าวฝ้าง, ข้าวสาลี, ข้าวโพด และผลไม้ รวมทั้งพืชพันธุ์ชนิดต่างๆ
2.เครือเขาขาด ถือว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง มีลักษณะเป็นเถาวัลย์ที่มีปล้อง และเมื่อถึงเวลาเถาวัลย์ของเครือเขาขาดจะขยายออกเป็นปล่องและบวมขึ้นจนแตกออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ทุกชนิด
3.ว่านไพรดำ ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของว่านวิเศษต่างอันมีฤทธิ์ เป็นราชาของว่านทั้งปวง เป็นต้นว่านวิเศษที่เป็นต้นกำเนิดเหล็กไหล เพราะมักเจออยู่ร่วมกันและจะขาดจากกันไม่ได้ ทั้งยังเป็นแหล่งก่อเกิดของกายสิทธิ์ทั้งปวง เช่น คต เขี้ยว เขา นอ งา กะลา แร่ธาตุ เป๊ก แหย่ง แสง แก้วอาถรรพ์ เพราะของวิเศษเหล่านี้ล้วนต้องมาเสพเอาไอจากไพรดำไปเป็นพลังกายสิทธิ์ทั้งสิ้น
ต้นมณีโคตรต้นนี้อยู่ที่น้ำตกคอนตะเพ็ง ประเทศลาว เติบโตอยู่ท่ามกลางตำนาน บนแง่หินที่เป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ที่กล่าวกันว่าไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดไปถึง หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วก็อย่าแม้แต่หวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ทั่วโลกต่างหมายปองที่จะได้ศึกษาต้นมณีโคตรนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังไม่เคยมีใครสามารถเข้าไปใกล้ได้เลย จะมีเพียงก็แต่นกกระยางขาวและอีกา ที่มีโอกาสได้บินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรเฉพาะวันพระเท่านั้น
ต้นมณีโคตรเป็นต้นไม้พิเศษและพิศดารเหนือธรรมชาติเพราะรากแก้วที่ควรจะอยู่ในดินกลับชี้ขึ้นฟ้า ส่วนกิ่งก้านสาขาที่ควรจะอยู่บนพื้นดินกลับชี้ลงดินโดยยังเจริญงอกงามอยู่ได้โดยไม่เฉาตายมากว่าพันปี ต้นมณีโคตรนั้นมี3กิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ชาวลาวเชื่อกันว่ากิ่งของต้นมณีโคตรนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้ ชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยทั้ง3กิ่งจะชี้ไป3ทิศ กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งลาว(ทิศเหนือ) ซึ่งเชื่อกันว่า ใครได้กินผลหมากไม้มณีโคตรที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งชี้ไปฝั่งเขมร(ทิศใต้) เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งนั้นชี้ไปทางฝั่งไทย(ทิศตะวันออก) เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้จะหนุ่มสาวขึ้นและมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์
เหตุด้วยบุญพาวาสนาส่ง จึงได้มีทหารชาวลาวนำมาถวายพระอาจารย์โอหลังจากต้นมณีโคตรได้ล้มลงในปี2555 เมื่อพระอาจารย์ได้ไม้มณีโตรมาจึงได้ทำการแกะเป็น "กบกินเดือน" สรรค์สร้างและปลุกเสกฝากไว้ในโลกา
The Only One Tree In The World.
Manikhot tree is the only one in the world.
According to legend, the manikhot is a holy tree mentioned in the ancient Sanskrit epic Pra Lak-Pra Lam, or Ramayana. This tree is near the waterfalls Khone Phapheng, in 4000 islands, in Champassak province, near the Cambodian border. The "manikhot", a sacred tree in the Buddhist tradition, was carried by the Mekong River in March 2012. A Buddhist ceremony held every year to dedicate the tree with three branches.
The legend states that eating the fruits from the first limb of this tree will bring eternal youth and long life, while fruits from the second limb will bring great power and status. But fruits from the third limb, pointing to the west, bring bad luck and the eater will turn into a monkey. People still believe the tree is holy and has the powers stated in the legend.
The history of the manikhot tree at Khonphapheng is unknown but local residents say it has been there since they were born. Some people insist it has been standing for at least 500 years, since the era of the Lane Xang Kingdom.
ผงเบญจวิเศษ
"ผงเบญจวิเศษ" ทั้ง 5 ประกอบไปด้วย:
1.ผงปถมัง
-เป็นผงที่ว่าด้วยการเกิดทั้งมวล ว่าด้วยการเกิดแห่งของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ โดยบทเริ่มต้นจะขึ้นว่า "ปถมัง พิณธุกัง ชาตัง" อันหมายความว่า "จุดเล็กๆนี้คือพิณธุ อันเป็นปฐมแห่งการกำเนิดทุกสิ่ง กำเนิดชีวิต กำเนิดสิ่งดีงามสิ่งมงคลทั้งหลาย"
2.ผงมหาราช
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งมหาราช มหาราชาแห่งธรรมทั้งมวล ว่าด้วยโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม เปนองค์แห่งความเป็นไปแห่งความเจริญรุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว
3.ผงอิธิเจ
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดจากมูลกัจจายนะ แห่งการสนธิมูล เป็นบาลีไวยกรณ์ที่ใช้เล่าเรียนกันในหมู่คณะสงฆ์ยุคโบราณ ซึ่งเป็นการถอดเอาข้ออรรถข้อธรรมและหัวใจในคำภีร์ออกมาได้อย่างวิจิตรพิสดารจนมีอาณุภาพในทางเสน่ห์เมตตาอย่างรุนแรง ดึงดูดจิตใจผู้คนสิ่งของหรือแม้แต่สัตว์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ที่พบเห็น
4.ผงตรีนิสิงเห
-เป็นผงที่ว่าด้วยการกำเนิดแห่งทวยเทพทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดินยี่สิบสี่บาดาลตลอดจนถึงการกำเนิดแห่งองค์พุทธะ ซึ่งในการประกอบพิธีมงคลต่างๆ จะขาดองค์ตรีนิสิงเหนี้มิได้เลย
5.ผงพุทธคุณ
-เป็นผงที่เกิดจากการเดินกลบทตามสนธิ์สร้อยสูตรตามคำภีร์รัตนมาลา ทำให้บังเกิดคุณแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆานุภาพอย่างเอกอุ
"5 Holy Powders" consisted of:
1. Pattamung powder which refer to the origin of living things in the world.
2. Maharart powder which refer to the origin of king and the origin of flourish.
3. Itthije powder which referring to the charming and attraction power which effect for both of human and animals.
4. Trinisinghe powder which refer to the origin of god from 16 levels of the sky, 15levels of the ground and 24 levels of the nether world.
5. Putthakhun powder which refer to the holy power of Buddha, Dharma and Sangkha.
พระอาจารย์โอแต่งขันธ์5ก่อนนำ "พญากบโพธิสัตว์" จำศีลนิพพานคารู มาพลีและตำเป็นมวลสาร ก่อนจะผสมกับ “ผงวิเศษทั้ง5” และ “ส้มป่อยอินทร์ประทาน”
Phra Arjarn O blended "Bodhisattva frog" that practiced hibernation until die by itself to be powder before mixed with "5 Holy Powders” and "Indra's Granting Soap Pod".