รายละเอียด:
สีผึ้งสาลิกาแสนเสน่ห์, ครูบาฐากูร วัดแม่แพะ, จ.เชียงใหม่
ครูบาฐากูรได้รวบรวมสายวิชาทางเมตตามหานิยมแห่งล้านนาหลายแขนง มาปรุงขึ้นเป็นสีผึ้งเนื้อเนียนนุ่มมีกลิ่นหอมดุจบุปผาผกามาศ โดยขั้นตอนการหุงสีผึ้งชนิดนี้ ครูบาฐากูรได้นำขี้ผึ้งแท้มาทำเป็นแผ่นๆ แล้วจารอักขระเลขยันต์ที่มีอิทธิคุณทางด้านเมตตามหานิยมโดยเฉพาะบนแผ่นขี้ผึ้งแต่ละแผ่น อาทิเช่นยันต์สำเภาหลงท่า, ยันต์เทวดาหลงห้อง, ยันต์สาริกา, ยันต์หนูกินนมแมว และยันต์ทางปิยะวาจาอีกหลายตัว
หลังจากนั้นท่านจึงนำแผ่นขี้ผึ้งที่จารยันต์แล้ว นำไปหุงในหม้อ พร้อมกับน้ำมันจันทน์หอม, น้ำมันงาเสก, และว่านยาเครื่องหอมอีกหลายชนิด ซึ่งการทำสีผึ้งตามสูตรของท่าน ครูบาฐากูรท่านว่าต้องใช้ "หม้อตอง (หม้อทองเหลือง)" เท่านั้น จะใช้หม้อเหล็ก หรือหม้อดินมาทำไม่ได้ โดยหม้อตองที่นำมาเป็นภาชนะหุงสีผึ้ง ก็ต้องทำการจารยันต์กำกับไว้ที่ก้นหม้ออีกด้วย
ส่วนฟืนที่ใช้ในการหุง ก็เป็นไม้มงคลนามด้านเมตตา โดยครูบาฐากูรได้นำ "กาฝากรัก" มีคนรัก หญิงชายทั้งหลายล้วนหยิบยื่นหัวใจฝากรักเอาไว้ให้ด้วยเสน่หา แค่ชื่อก็บ่งบอกถึงความรักอย่างชัดเจน จึงเป็นที่นิยมในการนำมาทำเป็นมวลสารสำหรับการสร้างเครื่องรางของขลังทางด้านเสน่ห์มาแต่โบราณ อย่างเช่นปลัดขิกที่แกะจากกิ่งรักตายพรายเป็นต้น แต่กาฝากรักจากต้นรักนี้ยิ่งทวีคูณความรักเข้าไปอีกเพราะกาฝากรักได้ลักเอาฤทธิ์รักลุ่มหลงทั้งหมดของต้นรักมาเก็บไว้ในตัวนั่นเอง, "กาฝากมะยม" มีคนนิยม ชมชอบ ชื่นชม ขนาดกิ่งมะยมตายพรายที่ถูกนำมาแกะเป็นนางพราย,รักยม หรือเครื่องรางต่างๆก็ยังเข้มขลังมีฤทธิ์ในตัว แต่กาฝากมะยมนี้ยิ่งเหนือชั้นกว่าเป็นเท่าทวีคูณ, "กาฝากขนุน" มีคนเกื้อหนุนค้ำชู เสริมส่งเจ้าของไม่ให้ตกต่ำ, และไม้ที่มีกลิ่นหอมในตัวหลายชนิด มาเป็นเชื้อเพลิงในการหุงสีผึ้ง
โดยการหุงสีผึ้งของครูบาฐากูร ท่านจะทำการหุงให้ครบ "3 ไฟ" ถือเอาตามวิธีโบราณศาสตร์การทำสีผึ้งจากตำราปั้บสาเก่าของท่าน เสร็จแล้วจึงนำมาอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยมนต์คาถาต่างๆหลายๆบท ก่อนจะนำมาบรรจุลงตลับอลูมิเนียม ซึ่งครูบาฐากูรได้จารยันต์พิเศษไว้ที่ก้นตลับ ยันต์ตัวนี้เป็นยันต์พิเศษที่ตำราบอกไว้ว่าให้นำมาใช้จารตลับสีผึ้งหรือตลับนวด เพื่อเสริมสิทธิคุณทางด้านเมตตาสิเน่หาโดยตรง ทั้งยังกันไม่ให้ฤทธิ์สีผึ้งเสื่อมถอยอีกประการ
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ครูบาฐากูรได้เมตตาบรรจุ "ตะกรุดสำเภาหลงท่า" ไว้ในตลับสีผึ้งอีก 1 ดอก ครูบาฐากูรท่านว่า แม้ตะกรุดตัวนี้อาจจะดูเหมือนทำได้ง่าย ลักษณะโครงยันต์ไม่ซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วกลับทำได้ยากยิ่ง เพราะมีเคล็ดการลง กลการเสกเฉพาะ ผู้ลงต้องมีจิตตั้งมั่นบรรจง วางอารมณ์ให้ถูกในขั้นตอนของการลงการเสกรวมไปถึงการม้วนอย่างพิถีพิถัน ทั้่งยังต้องผ่านการปลุกเสกด้วยคาถาสำเภาหลงท่า 108 จบ และคาถาเทวดาหลงห้อง 107 จบตามที่ตำราบอกไว้ว่าให้ใช้คู่กัน จนเกิดเป็นวลีโบราณอันไพเราะพ้องเสียงกันว่า "สำเภาหลงท่าเทวดาหลงห้อง" ตะกรุดสำเภาหลงท่านี้จึงจะสำเร็จเป็นตะกรุดที่มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมและโภคทรัพย์อย่างเอกอุ ดุจท่าที่มีสำเภาเทียบจอดไม่สร่างซา ดั่งเรือลอยมาหลงท่าหาทางออกสู่สมุทรสาครไม่เจอ
ส่วนเคล็ดการใช้ "สีผึ้งสาลิกาแสนเสน่ห์" ครูบาฐากูรได้เมตตาให้แนวทางไว้ดังนี้:
1. ให้สวดคาถาก่อนนำสีผึ้งมาทาที่บริเวณปาก, หน้าผาก, คิ้ว, หัวไหล่ซ้ายขวา, หน้าอก, และฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วอธิษฐานในเรื่องที่เสน่ห์เมตตาโชคลาภค้าขาย ไปไหนเจอใครจะมีแต่คนเมตตา เป็นมหานิยมที่แม้แต่คนกล่าวนินทาก็หาไม่มี
2. ให้สวดคาถาก่อนนำสีผึ้งไปแตะแต้มยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง จะทำให้ภูติผีปีศาจ เทวดาอารักษ์ ต่างล้วนรักใคร่ไม่ขัดขวาง ปลอดภัยตลอดเส้นทางสัญจร
3. ให้สวดคาถาก่อนนำสีผึ้งไปแตะแต้มที่ลูกบิดประตู, วงกบประตู, ทางเข้าร้านค้า จะทำให้มีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดดึงดูดผู้คนให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอย ดึงจิตดึงใจให้ใครต่อใครต้องแวะเวียนกลับมาอุดหนุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
#สำเภาหลงท่าเทวดาหลงห้อง
ครูบาฐากูรได้เมตตาบรรจุ "#ตะกรุดสำเภาหลงท่า"
ไว้ในตลับสีผึ้งอีก 1 ดอก ครูบาฐากูรท่านว่า
แม้ตะกรุดตัวนี้อาจจะดูเหมือนทำได้ง่าย
ลักษณะโครงยันต์ไม่ซับซ้อน
แต่แท้จริงแล้วกลับทำได้ยากยิ่ง
เพราะมีเคล็ดการลง กลการเสกเฉพาะ
ผู้ลงต้องมีจิตตั้งมั่นบรรจง วางอารมณ์ให้ถูก
ในขั้นตอนของการลงการเสก
รวมไปถึงการม้วนอย่างพิถีพิถัน
ทั้่งยังต้องผ่านการปลุกเสกด้วย
คาถาสำเภาหลงท่า 108 จบ
และคาถาเทวดาหลงห้อง 107 จบ
ตามที่ตำราบอกไว้ว่าให้ใช้คู่กัน
จนเกิดเป็นวลีโบราณอันไพเราะพ้องเสียงกันว่า
"สำเภาหลงท่าเทวดาหลงห้อง"
ตะกรุดสำเภาหลงท่านี้จึงจะสำเร็จ
เป็นตะกรุดที่มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
และโภคทรัพย์อย่างเอกอุ
#ดุจท่าที่มีสำเภาเทียบจอดไม่สร่างซา
#ดั่งเรือลอยมาหลงท่าหาทางออกสู่สมุทรสาครไม่เจอ