สีผึ้งสามไฟ, อาจารย์โอ ศักดา, สำนักบ้านต้องมนต์

“สีผึ้งสามไฟ” เป็นสีผึ้งมหาละลวยชั้นสูงที่ใช้ได้ตามแต่ปรารถนา ใช้สีปากเป็นเมตตามหานิยม เจรจาพาทีครั้งใดก็มีชัย อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่เทวดาก็ยังอ่อนใจรัก มีเมตตา คอยช่วยเหลือค้ำจุนอยู่ไม่ว่างเว้น แม้ต้องโทษถึงตาย ก็จักไม่ตายแล เจิมสินค้าก็ขายง่าย เจิมหน้าร้านก็ขายดี สารพัดจะใช้ไปในทางเจริญ

ตามตำราของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้กล่าวถึงเคล็ดการใช้สีผึ้งสามไฟนี้ว่า ก่อนจะไปไหนให้เสกสีผึ้ง แล้วนำสีผึ้งสีปาก เป็นปิยะเสน่หาเจรจาดีนักแล หากเข้าหาขุนนาง(ผู้หลักผู้ใหญ่)ให้สีปากด้วยนิ้วกลาง ไปหาสาวหาหนุ่มให้สีปากด้วยนิ้วนาง ไปหาท้าวพระยา(ผู้มีอำนาจมากบารมี)ให้สีปากด้วยนิ้วชี้ แม้แค่พกติดตัวไว้ ผู้ใดที่ได้พบปะสนทนากับเรา ก็จะหลงเสน่ห์แบบไม่รู้ตัว และว่ากันว่ามีอานุภาพถึงพญามัจจุราชยังอ่อนใจไว้ชีวิต แม้มีโทษถึงตายก็จักหายพลัน

ท่านอาจารย์โอ ศักดาได้จัดสร้างสีผึ้งสามไฟรุ่นนี้ โดยนำปฐมบทสีผึ้งสามไฟในตำนาน ที่ท่าน "อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร" ได้ทำไว้เมื่อพ.ศ.2506 ณ วัดเสน่หา จ.นครปฐม มาเป็นมวลสารด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมื่ออาจารย์เทพย์หุงสีผึ้งสามไฟเสร็จในสมัยนั้น พระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จมาพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ยังวัดเสน่หา โดยไม่มีในหมายกำหนดการ ถือเป็นเหตุอัศจรรย์ที่แสดงถึงอานุภาพความเข้มขลังของสีผึ้งสามไฟนี้ได้เป็นอย่างดี

เป็นสุดยอดสีผึ้งวิชาสายเสน่ห์ชั้นสูงหรือสายขาว ที่แรงด้วยมนต์ในวิชา จากตำราโบราณที่ว่าด้วยการหุงสีผึ้งเพื่อเป็นมหาเสน่ห์ มหาละลวยต่อพระยามหามนตรี สมณ ชีพราหมณ์ บุรุษ สตรี ทั้งปวง โดยท่านกำหนดให้ทำถึงสามไฟเป็นที่วิเศษนัก อันมีขั้นตอนกรรมวิธีดังนี้:

ไฟที่.1 เขียนยันต์ลงบนขันสำริด แล้วเอาขี้ผึ้งแท้บริสุทธิ์มาฝานเป็นแผ่นบางๆ ใส่ลงในขันสำริดนั้นแล้ว จึงเอาน้ำมันงาใส่ลงไปด้วย เอาไม่รักซ้อนมาเป็นพายสำหรับกวนสีผึ้ง เอาพระคาถาเสกแล้วกวนมวลสารทั้งหมดจนเข้ากันแล

ไฟที่.2 เอากระดาษมาลงยันต์ แล้วฝั้นเป็นเทียนกับขี้ผึ้งหนึ่งบาท แล้วจุดตั้งไว้ในโคม เอาขันสำริดที่ใส่สีผึ้งนั้น ตั้งลงบนช่องโคมนั้น เสกด้วยพระคาถาจนกว่าจะสิ้นไส้เทียน

ไฟที่.3 นั่งบริกรรมเสกสีผึ้งตั้งแต่เช้าตรู่ หันหน้าไปทางทิศบูรพา เสกพระคาถาจนกว่าแสงพระอาทิตย์นั้นกล้าแข็ง จนตามองสู้แสงอาทิตย์ไม่ไหว (เป็นเคล็ดว่า “ให้ร้อนรนจนทนอยู่มิได้”)

ท่านอาจารย์โอ ศักดา ได้บรรจุตะกรุดไว้ในตลับสีผึ้งอีก1ดอก ตะกรุดนี้มีชื่อว่า "ตะกรุดสาริกาใต้ลิ้น" ตำราว่าให้อมไว้ใต้ลิ้น หรือนำไปใส่ในสีผึ้งสำหรับสีปาก มีอิทธิคุณคล้ายสาริกาลิ้นทอง คือช่วยเสริมวาจาเราให้ไพเราะน่าฟัง เป็นที่พิศมัยยินดีแก่ผู้ที่ได้พูดคุยกับเรายิ่งนัก

Three-Fire Wax by Arjarn O Sakda, Ban Tong Mon Magic Academy.

The "Three-Fire Wax" is a powerful magical wax for charm and mercy. It can be used to rub on your lips to ensure victory in any negotiation. Not only will humans love you, but even all angels will support and favor you. Even if you are sentenced to death, this wax will keep you alive. It can be applied to goods for easy sales and used in shops to attract customers. This wax can be used for many auspicious purposes, depending on the prayer you wish to make.

According to the teachings of Arjarn Thep Sarikabut, he mentioned the secret method of using the 3 Fires Wax as follows: Before going anywhere, chant over the wax and apply it to your lips as a charm for sweet speech and good negotiations. If approaching a noble (elder or authority), apply the wax to your lips with your middle finger. If meeting a woman or a man, apply the wax with your ring finger. If approaching a powerful person (someone with great authority and influence), apply the wax with your index finger. Even if you simply carry it with you, anyone who encounters and converses with you will unknowingly fall under your charm. It is said that the power of this wax can even make the Lord of Death soften and spare your life. Even if the punishment is death, it will be swiftly lifted.

Arjarn O Sakda has created this Three-Fire Wax by using the legendary original formula of Three-Fire Wax, which was made by Arjarn Thep Sarikabut in 1963 at Wat Saneha, Nakhon Pathom, as one of the main ingredients. As is well known, when Arjarn Thep finished making the Three-Fire Wax at that time, His Majesty King Rama IX, along with the royal family, visited Wat Saneha unexpectedly, without it being scheduled. This event is considered a miraculous sign that demonstrates the powerful potency of Three-Fire Wax.

This is the ultimate charming wax of the highest level of white magic, powerful with spells from ancient scriptures that detail the process of making a charm wax for great attraction and fascination, which will affect lords, ministers, monks, Brahmins, men, and women alike. The master has set the requirement to make it with three types of fire, which is considered very special. The process follows these steps:

Fire 1: Write the Yantra on a bronze bowl, then shave pure beeswax into thin sheets and place them into the bowl. Add sesame oil to the bowl as well. Use a "Mai Rak Son" (Calotropis Gigantea Wood) as a stirrer for the wax, and recite the mantra while stirring the ingredients together until they are fully combined.

Fire 2: Place the paper with the Yantra on it and mold it into a wick using 15 grams of beeswax. Light the candle and place it in a lantern. Set the bronze bowl containing the wax on top of the lantern opening and chant the mantra until the candle burns out.

Fire 3: Chant the mantra to empower the wax from dawn, facing east. Continue chanting the mantra until the sunlight becomes strong enough to be unbearable to the eyes (this method creates "an intense desire that cannot be resisted")."

Arjarn O Sakda placed a "Sarika Under Tongue Takrud" inside the wax container. This Takrud is said to be kept under the tongue or can be placed in the wax for lips. Its power is similar to the Gold-Tongue Sarika, as it helps enhance your speech, making it more pleasant and pleasing to those who converse with you.

ท่านอาจารย์โอ ศักดานำสีผึ้งสามไฟ ปี2506 ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ตลับที่ท่านพกติดตัวเป็นประจำมาให้ชม ท่านบอกว่าแต่ก่อนมีมากกว่านี้ แต่ตอนที่ท่านทำสีผึ้งสามไฟรุ่นนี้ออกมา ท่านก็นำไปใส่เป็นมวลสารเยอะเลย ถ้าเทียบกันดูจะเห็นได้ว่าสีผึ้งสามไฟของอาจารย์เทพย์ และสีผึ้งสามไฟของอาจารย์โอ ศักดาในขันสำริด ดูไม่แตกต่างกันเลยถ้าดูจากภายนอก และอานุภาพที่แฝงเร้นอยู่ภายในนั้นก็คงไม่ต่างกัน เพราะสร้างมาจากตำราเล่มเดียวกันนั่นเอง

Arjarn O Sakda brought the Three-Fire Wax, made by Arjarn Thep Sarikabut in 1963, which he always carried with him, for us to see. He mentioned that there used to be more of them, but when he made the Three-Fire Wax, he used a lot of it as an ingredient for his own version. If you compare them, you will notice that the Three-Fire Wax from Arjarn Thep Sarikabut and the Three-Fire Wax from Arjarn O Sakda in the bronze bowl look almost identical from the outside. The power concealed within them is likely the same as well because they were created from the same ancient scripture.

มารอบนี้จัดชุดใหญ่แบบจุใจ วัตถุมงคลสำนักบ้านต้องมนต์ของเข้มขลังขนานแท้ทุกชิ้น ผู้ศรัทธาชาวต่าวชาติท่านนี้ตั้งใจเดินทางมาเลือกหาของดีเสริมเรื่องงานและความรักโดยเฉพาะ

This time, he worshipped in full set. Every sacred item from the Ban Tong Mon Magic Academy is genuinely powerful. This foreign believer made a special trip to personally select powerful items, especially to enhance his work and love life.