สาริกาล่องลม, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์

มีเรื่องเล่าอยู่ว่า วันหนึ่งฤาษีโคบุตรผู้มีฤทธิ์ได้บำเพ็ญตบะบารมีอยู่นาน จนพระอิศวรเห็นว่าควรจะประทานพรและพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นรางวัล พระอิศวรจึงบอกให้ฤาษีโคบุตรขึ้นไปรับพรบนสรวงสวรรค์ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อฤาษีโคบุตรออกจากการบำเพ็ญตบะเพื่อที่จะขึ้นไปรับพรและพระเวทย์จากพระอิศวร กลับไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เนื่องด้วยตบะเสื่อมลง

ฤาษีโคบุตรจึงได้วานขอความช่วยเหลือจากนกสาริกา ให้ช่วยบินไปรับพรและพระเวทย์จากพระอิศวรมาให้ตนแทน เมื่อนกสาริกาได้ยินดังนั้น ก็กลัวว่าตนเองจะจำพระเวทย์ได้ไม่หมด จึงชวนนกการเวกบินไปด้วยกัน เมื่อนกสาริกาและนกการเวกได้พบกับพระอิศวรแล้ว จึงได้แบ่งกันจำพระเวทย์มาคนละครึ่ง หลังจากบินลงมาจากสวรรค์ก็รู้สึกเหนื่อยล้าจึงพากันไปพักกินน้ำที่บริเวณต้นไม้ต้นหนึ่งริมน้ำ และเมื่อหายเหนื่อยแล้วจึงผลัดกันทวนคาถาพระเวทย์ที่ได้มาเพื่อกันหลงลืม

ในขณะนั้นเองนายพรานได้เดินทางผ่านมาพอดีและได้ยินเสียงร้องของนกทั้งสอง จึงได้นำคันสรยิงลูกธนูใส่นกทั้งสองเพื่อหวังจับกินเป็นอาหาร แต่ด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระเวทย์ที่พระอิศวรประทานมาให้ จึงทำให้ลูกธนูพุ่งออกไปในแนวขวางปัดนกทั้งสองที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกน้ำไป นายพรานถึงกับอัศจรรย์ใจว่าด้วยเหตุใดลูกธนูถึงพุ่งออกไปในแนวขวางได้

เมื่อนกสาริกาและนกการเวกโดนลูกธนูปัดตกน้ำไป ต่างก็ว่ายตะเกียกตะกายเพื่อไม่ให้จมน้ำ ขณะที่นกสองตัวกำลังจะหมดแรง ทันใดนั้นเองมีปลาตะเพียนสองตัวว่ายผ่านมาพอดี ปลาตะเพียนทั้งสองจึงได้ช่วยกันว่ายน้ำดันนกสาริกาและนกการเวกขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย นกสาริกาและนกการเวกต่างซาบซึ้งในบุญคุณของปลาตะเพียนทั้งสองที่ได้ช่วยชีวิต จึงได้บอกพระเวทย์แก่ปลาตะเพียนทั้งสองเพื่อเป็นการทดแทนคุณ และในที่สุดฤาษีโคบุตรก็ได้พระเวทย์ของพระอิศวรด้วยความช่วยเหลือจากนกสาริกาและนกการเวก หลังจากนั้นฤาษีโคบุตรจึงได้รจนามนต์บทหนึ่งขึ้นมาจากพระเวทย์ท่อนหนึ่งที่พระอิศวรประทานมาให้ จนบังเกิดเป็นมนต์ที่มีชื่อว่า “สาริกาล่องลม” นั่นเอง

ด้วยเหตุที่ว่านกสาริกาและปลาตะเพียนมีความเกี่ยวเนื่องกันดังที่กล่าวมา การจัดสร้างสาริกาล่องลมจึงต้องมีเคล็ดลับเฉพาะ กล่าวคือตามตำราได้ระบุไว้ว่าตัวนกสาริกานั้นต้องแกะขึ้นจากกระดูกปลาเท่านั้น และต้องนำไปปลุกเสกริมน้ำที่มีต้นไม้ร่มรื่นและมีลมผัดพ่าน จึงจะเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามตำราอย่างแท้จริง สาริกาล่องลมรุ่นนี้ได้แกะขึ้นจากกระดูกนางปลาอาถรรพ์ สิ่งมีชีวิตที่ถูกระบุไว้ในตำราว่าเป็นดั่งเจ้าหญิงแห่งท้องสมุทร เป็นกระดูกของปลาขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ที่มีอายุยืนนาน แหวกว่ายและดื่มด่ำอยู่ในมหาสมุทรมานานแสนนานจนจิตวิญญาณแทรกผสานกับท้องทะเลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นปลาที่มีความสามารถพิเศษในการสื่อถึงนางเงือกได้โดยตรงอีกด้วย

ที่บริเวณตัวนกได้พันด้วยด้ายจูงจิตจูงใจสายใยสวาท ซึ่งเป็นด้ายสายสิญน์ที่พระอาจารย์โอได้ใช้ในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลมามากมายหลายรุ่นในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยจะนำสายสิญน์นี้โยงตามรูปครูทั้งหมดรวมถึงขันครูด้วยเสมือนเป็นสื่อในการเชิญครูบาอาจารย์มาประสิทธิ์ประสาทพระเวทย์แก่วัตถุมงคลทุกครั้ง

เลี่ยมอยู่ในน้ำมันนางปลาเสน่หาซึ่งมีส่วนผสมของสุดยอดมวลสารในตำนานที่เชื่อกันว่าเปรียบเสมือนเป็นน้ำตาของนางเงือกที่มีฤทธิ์ช่วยให้ผู้ที่ครอบครองได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาและอธิษฐานไว้ทุกประการ เป็นของอาถรรพ์ที่มีประวัติความเป็นมาช้านาน ว่ากันว่าน้ำมันนางปลาเสน่หานี้มีอานุภาพรุนแรงถึงขนาดว่าสามารถทำให้บุคคลที่หมายปองคลั่งรักจนยอมว่ายน้ำข้ามทะเล ฝ่าคลื่น ฝ่าพายุมาหา อย่างรวดเร็วเหมือนดั่งนางเงือกเลยทีเดียว

ในบรรดาของเสน่ห์ทั้งหลายทั้งปวง น้ำมันนางปลาเสน่หาถือว่าเป็นของแนวหน้าของบรรเสน่ห์ทางแดนใต้ทั้งหมด ที่ขึ้นชื่อมากว่าด้วยความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งโชคลาภวาสนาเงินทอง และเป็นเสน่ห์เป็นที่พึงอกพึงใจแก่ผู้ที่พบเห็นและผู้ที่ปรารถนา มีอานุภาพเหนือของเสน่ห์ทั้งมวลและข่มของเสน่ห์ทั้งหมดอีกด้วย

สาริกาล่องลมจะช่วยเสริมเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์แก่ผู้บูชา พูดสิ่งใดก็เป็นที่ไพเราะเสนาะหูแก่ผู้ฟัง ใช้พูดคุยเจรจาติดต่อธุระการงานก็จะสำเร็จโดยง่ายพริ้วไหวดั่งนกสาริกาล่องลมเหินเวหานั่นเอง

ระยะเวลาการขาย : จนกว่าของจะหมด