รายละเอียด:
เหรียญอรุณเทพบุตร, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
มีพุทธคุณสูงทางเมตตามหานิยม เจริญรุ่งเรือง โชติช่วงชัชวาลดั่งแสงอาทิตย์ หนุนดวง เสริมวาสนาบารมี ขจัดปัดเป่าความมืดมนจากชีวิตและจิตวิญญาน
Aruna Coin by Phra Arjarn O, Phetchabun.
This coin has high ability in case of charm and progress as brilliant as sunlight. Also good for support destiny and exorcise darkness out of life & soul.
ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธนั่งขัดสมาธิประทับกลางเป็นองค์ประธาน พร้อมเทวดาขนาบข้าง ข้างละ ๑ องค์ มือหนึ่งของเทวดาทั้ง ๒ ประคององค์พระ อีกมือหนึ่งถือหางนกยูงสถิตอยู่ซ้ายขวา ในสมัยก่อนจึงมีบางคนเรียกเหรียญพิมพ์นี้ว่า “เหรียญเทวดาถือหางนกยูง” อย่างเช่นเหรียญอรุณเทพบุตรของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เป็นต้น เป็นการอ้างถึงเทวตาธิคุณของพระอรุณ ที่ให้ผลในด้านแสงสว่าง อันเป็นมงคลยิ่งโดยแท้
Front side is the image of Buddha sits on lotus with 2 male angels standing beside together with holding a peacock feather on their hands. In the past, some people called this coin as "Angel Holds Peacock Feather Coin". The most famous Aruna Coin in Thailand was made by LP.Kong Wat bangkapom. This imager refers to the benevolence of Aruna who always bring sun light to the wrold every morning.
ด้านหลังจารด้วย "ยันต์พิเศษ" คือเป็นยันต์ที่พระอาจารย์โอพบเจออยู่ใต้ฐานพระพิชัยสงครามองค์หนึ่ง ซึ่งถือว่าผิดแปลกกว่าปกติ เพราะส่วนใหญ่ใต้ฐานพระพิชัยสงครามมักจะใส่ยันต์ดวงของผู้บูชา และของมีค่าอื่นๆมากกว่า และเมื่อพระอาจารย์โอได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำราการสร้างเหรียญอรุณเทพบุตร พระอาจารย์โอก็พบยันต์ตัวนี้อยู่ในตำรา ท่านเลยว่ายันต์ตัวนี้ต้องเป็นยันต์สำคัญและเป็นมงคลอย่างยิ่งแน่นอน
นอกจากนี้ยังจารยันต์ "นะเอา" เสริมเข้าไปด้วยอีก 2 ตัว ซึ่งยันต์ “นะเอา” หรือบางท่านเรียกว่า “นะสำเร็จ” หรือ “นะจบ” เป็นอักขระที่ผู้มีวิชาจะลงไว้บนวัตถุมงคลที่ทำไว้นานแล้วและต้องการจะนำมาใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถนำวัตถุมงคลชิ้นนั้นมาใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังเสริมพลังทางด้านเสน่ห์โชคลาภและฤทธิ์เดชให้แก่วัตถุมงคลนั้นๆด้วย คล้ายกับการเติมถ่านลงเตาเพื่อให้เปลวไฟลุกโชติช่วงชัชวาลในบัดดล
Back side was written with "Special Yant" that Phra Arjarn O had ever seen at the bottom of “Phra Pichai Songkram”. He said this Yant must be special because normally, the owner of Phra Pichai Songkram will use Supporting Destiny Yant and others valuable thing to contain inside Phra Pichai Songkram. Moreover, when Phra Arjarn O opend the scripture of how to make Aruna Coin, he saw this Yant Again so, Phra Arjarn O supposed that this Yant must be important and sacred for sure.
Furthermore, there are 2 adding Yants named “Na Aow” or called “Successful Yant” or “Ending Yant”. It is the magical alphabet that the magic master will write on the amulet that is ready to use. Moreover, it will increase charming and wealthy power of that amulet automatically like as adding charcoal into the fire.
ใครคืออรุณเทพบุตร?
"อรุณ" แปลว่า สีแดง หรือสีดอกกุหลาบ ก่อนที่พระอาทิตย์จะโผ่ลขึ้นพ้นขอบฟ้าเราจะเห็นแสงสีเงินปรากฏก่อนแล้วจงมีแสงสีทอง คือองค์พระอรุณเทพบุตรนายสารถีปรากฎขึ้นมาก่อนจากนั้นสุริยะเทพจึงขึ้นพ้นขอบฟ้า
ตามความเชื่อในไตรภูมิกถา ได้กล่าวลักษณะของ พระอรุณเทพไว้ว่า เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่โลกในเวลากลางวัน จะขับเคลื่อนพาหนะ โดยที่ในพระหัตถ์จะถือหางนกยูง และสัตว์ประจำพระอาทิตย์ก็คือนกยูง เป็นเทพแห่งรุ่งอรุณวันใหม่เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น เช้าวันใหม่ที่สดใสหรือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีอิสรภาพ และไร้ขอบเขต เป็นเทพที่ทำหน้าที่ดุจดังสารถีขี่รถม้าไปรับเทพพระอาทิตย์ เพื่อส่องแสงสว่างให้กับโลก
อรุณเทพบุตร ยังเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการเดินทางครั้งใหม่ อันยิ่งใหญ่ของชีวิตหรือการเริ่มต้นชีวิตในทุกๆวัน ความมุ่งมั่น ความขยันขันแข็ง การเดินทางไกล การมีพละกำลังที่ยิ่งใหญ่ และมีแรงกายแรงใจอันมหาศาลในการเดินทางไปสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ตามที่ตั้งใจไว้
Who is Aruna.?
Aruna literally means "red, ruddy, tawny", and is also the name of the charioteer of Surya (Sun god) in Hinduism. He is the personification of the reddish glow of the rising Sun.
There is a scripture describe about "Aruna" that he is the light giver come with his horses. He always hold peacock feather in his hands. He is the sign of bright beginning, cheerful morning, freedom. He is the charioteer of the sungod who gives sunlight to make the world become shining.
Moreover, he is the sign of new travelling, new way of life, opportunity, determination, diligence, physical energy and mental energy to reach the target of life.
กำเนิดอรุณเทพบุตร
คัมภีร์ปุราณะของฮินดูเล่าถึงกำเนิดพญาครุฑไว้ว่า ครั้งหนึ่งพระทักษะปชาบดีได้ยกสิบสามนางให้พระกัศยปเทพบิดร (Kasyapa) ซึ่งธิดาสององค์ คือนางวินตา (Vinta) และนางกัทรุ (Kadru) แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน โดยนางกัทรุขอพรจากพระกัศยปให้มีบุตรเป็นนาคหนึ่งพันตัว ส่วนนางวินตาขอพรให้มีบุตรเพียงสององค์ แต่ให้มีฤทธิ์อำนาจมากกว่าบุตรของนางกัทรุ
นางกัทรุคลอดลูกออกมาเป็นไข่หนึ่งพันฟอง เมื่อเวลาผ่านไปห้าร้อยปีกก็บังเกิดเป็นนาคหนึ่งพันตัว ส่วนนางวินตา คลอดลูกเป็นไข่สองฟอง หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานไข่ก็ยังไม่ฟักเป็นตัว นางวินตาจึงทุบไข่ใบแรกปรากฏเป็นเทพมีเพียงครึ่งองค์ ไม่มีท่อนล่าง เนื่องจากเกิดก่อนกำหนดนามว่า อรุณเทพบุตร
พระอรุณโกรธนางวินตา ที่ทำให้ตนพิการ จึงสาปให้ต้องไปเป็นทาสนางกัทรุเป็นเวลาห้าร้อยปี แต่ก็บรรเทาคำสาปว่า หากนางวินตาสามารถทนรอไปอีกห้าร้อยปีจนไข่อีกฟองหนึ่งฟักเป็นตัว บุตรในไข่ใบที่สองจะช่วยนางให้พ้นคำสาป
ต่อมานางวินตา และนางกัทรุแข่งพนันทายสีม้าเทียมรถทรงของพระอาทิตย์ โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดแพ้ต้องยอมเป็นทาสของอีกฝ่ายหนึ่ง นางกัทรุใช้อุบายให้นาคผู้เป็นลูกเข้าไปแทรกอยู่ในรถขนม้า เพื่อให้สีเปลี่ยนไป นางวินตาจึงแพ้พนัน กลายเป็นทาสของนางกัทรุ
หลังจากนั้นอีกห้าร้อยปี ไข่ใบที่สองก็แตกออกมาเป็นบุตรผู้มีกำลังมหาศาล มีรัศมีทองสว่างไสวกว่าพระอาทิตย์นับร้อยเท่า มีศีรษะจงอยปาก และปีกเหมือนนกอินทรี แต่ร่างกายและแขนขาเหมือนมนุษย์มีนามว่า "เวนไตย" (แปลว่า เกิดจากนางวินตา)
อีกตำนานหนึ่งเล่ากันว่า เมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทร ซึ่งพระราหูปลอมตัวเป็นเทวดาเข้ามาดื่มน้ำอมฤตด้วย พระอาทิตย์กับพระจันทร์จึงประกาศให้เหล่าเทพทั้งหลายรู้ พระนารายณ์จึงได้ใช้จักรขว้างไปตัดร่างพระราหูขาด ด้วยเหตุนี้พระราหูกับพระอาทิตย์และพระจันทร์จึงเป็นศัตรูคู่อริต่อกัน โดยที่พระราหูคอยจับพระอาทิตย์และพระจันทร์ อมอยู่เสมอ เหล่าเทพทั้งหลายก็ไม่ให้ความช่วยเหลือ
พระอาทิตย์โกรธเหล่าเทพทั้งหลายที่ไม่ให้ความช่วยเหลือจึงประกาศว่า จะเผาทั้งสามโลกให้มอดไหม้ ดดยเคลื่อนจากทิศตะวันตก แล้วเบ่งความร้อนไปในโลกจนรู้สึกร้อนทั่วกันตอนกลางคืน ฤษีทั้งหลายตกใจกลัวพากันไปพบเหล่าทวยเทพและชวนกันไปเฝ้าพระพรหมเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะหากถึงตอนเช้าและตอนกลางวันพระอาทิตย์จะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น โลกคงจะมอดไห้มแน่น
พระพรหมจึงมีบัญชาให้พระอรุณโอรสพระกัศยปเทพบิดรซึ่งมีกายใหญ่มาก ให้มานั่งหน้ารถทำหน้าที่สารถีให้พระอาทิตย์เพื่อจะได้บดบังแสงและดูดความร้อนแรงแห่งแสงอาทิตย์เข้าไว้ในตัวเพื่อความสุขของทั้งสามโลก
The Birth Of Sun God’s Charioteer.
Aruna was the son of the great sage Kashyapa and Vinata, a daughter of Daksha. His mother had obtained a boon from her husband that she would have two offspring who surpassed the thousand sons (the serpents) of her sister (and co-wife) Kadru in glory. She gave birth to two eggs, which did not hatch for a long time. In her impatience, she broke open one of them and found Aruna inside it, but he had an undeveloped lower body. He cursed his mother to bondage for her impatience. He then took to the skies and achieved great glory by becoming the charioteer of Surya, the sun.
The story of how he became Surya's charioteer is mentioned in [Maha:1.24]. When Surya was swallowed and then regurgitated by Rahu, in revenge for the incident of the nectar, he grew exceedingly angry with the other immortals, for they had suffered him to undergo this indignity. He thought, 'Since no one came to my aid, what is the use of their existence? Let me destroy all creation with my great heat.' Then he started multiplying his radiance, and the generated heat threatened to burn the world. The Devas beseeched Lord Brahma to save the world.
Lord Brahma said, "I shall place Aruna, the son of Kashyapa and Vinata in front of Surya. He is of large body and has divine radiance. He will become the charioteer of Surya and shield the world from his anger."
From that day, Aruna precedes Surya in the heavens and is worshiped along with the sun. He sits in front of the sun-god and is engaged in driving the chariot and controlling the horses, he looks backward toward the sun-god.