รายละเอียด:
พระยอดขุนพลบุเรงนอง, พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา, พุทธสถานวิหารพระธรรมราช, จ.เพชรบูรณ์
บูชาเพื่อเป็นผู้ชนะในทุกทิศ เป็นผู้พิชิตในทุกด้าน อธิษฐานขอพรให้สำเร็จทุกประการ มากด้วยโชคลาภวาสนา วิเศษแสนสุดจะพรรณนา
จัดสร้างทั้งหมด 2 แบบ:
Phra Yord Khun Pol Bayinnaung by Phra Arjarn O, Phetchabun.
Who has this amulet will be the winner of every direction, be the conqueror of every side. The owner can pray for any wish. Very strong in case of fast fulfilling dream come true, abundance of wealth, much more fortune, and universal function.
There are 2 versions made as follows:
1.องค์ครู (ปิดทองด้านหน้า, ฝังเม็ดปรอทกลางใจ)
-สำหรับพระยอดขุนพลบุเรงนอง (องค์ครู) ที่มีเม็ดปรอทฝังอยู่ที่หน้าอกนั้น พระอาจารย์โอท่านได้ให้ความรู้ไว้พอสังเขปคร่าวๆพอคนทั่วไปจะเข้าใจได้ว่า เดิมที "เอ็กกิ๊ยะ" เป็นวิชาจากคัมภีร์โลกีย์ของลัทธิบูชาไฟแห่งเปอร์เซีย แพร่หลายเข้ามาในพุทธศาสนา ตอนที่พระพุทธเจ้าได้ไปโปรดแขกโพกพ้าชฏิล ๓ พี่น้อง พร้อมบริวาร1,800คน และมารุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัย "ฮัสซันซิน" ว่าด้วยการทำธาตุบรรลุ เป็นวิชาในหมวดโลกียะธรรม แก่นเท้ของวิชาคือเพื่อบรรลุเข้าสู่โลกุตตระ รู้แจ้งลึกซึ้งในธรรมทั้งปวง
โดยการเผาปรอทของนิกาย "ประดาวิกซ่า" คือการทำปรอทให้คนอื่นนำไปใช้ ส่วนคนในนิกาย "เอ็กกิ๊ยะ" จะเน้นทำ "ประดา" (ปรอท) สำหรับตนเอง เหมือนปรอทเม็ดประจำตัว ซึ่งก็จะมีหลายขั้นตอนคือ ขั้นแรกต้องทำประดาขึ้นมา เพื่อให้ได้ประดาร่างแฝง พอได้แล้วก็ต้องทำอาหารให้ประดาร่างแฝงเสวย โดยมีการใช้รูปธาตุทั้ง9 และนามธาตุทั้ง9 เป็นอาหารให้ปรอท
การเสวยของประดาจะมี 2 ลักษณะคือ 1.เสวยแล้วคาย 2.เสวยแล้วถ่าย อย่างปรอทเม็ดนี้คืออาหารที่ประดาเสวยแล้วคายออกมา ซึ่งในขั้นตอนการทำ "ประดา" ค่อนข้างยาวนาน ว่ากันว่าถ้าทำตามตำราเลยก็ต้องเผาทุกวันประมาณ 40 ปีถึงจะสำเร็จ โดยในขั้นตอนการทำจะมีธาตุที่ประดาคายออกมาเป็นช่วงๆ นักเล่นแร่แปรธาตุก็จะเก็บธาตุที่ประดาคายออกมาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ประดาตัวแม่บรรลุแล้ว ธาตุที่ประดาคายออกมา จะเกาะกันเป็นเม็ดทรงกลมด้วยตัวเอง ถือเป็น "เหงื่อไคลปรอทสำเร็จ" ประเภทหนึ่ง คุณวิเศษมากมายเกินพรรณนา โดยมากมักจะพบในกรุเจดีย์ต่างๆ ซึ่ง "เหงื่อไคลปรอทสำเร็จ" ชุดนี้พระอาจารย์โอได้รับตกทอดมาจากอาจารย์ของท่านพร้อมกับพระยอดขุนพลเนื้อทองคำทั้ง2องค์ จึงนำมาฝังไว้กลางใจของพระยอดขุนพลบุเรงนองรุ่นนี้ด้วย
-บูชา 9,000 บาท
1. Supreme Version. (Gold Leaf Infront, Supreme Mercury's Sweat At Chest.)
-At the chest is "Supreme Mercury's Sweat " which has age more than 400 years. It is the alchemical substance that will happened while Burmese alchemist of Aggiya sect feed some substances as the food for their personal mercury. It has strong power and very rare to find.
-Price 9,000 baht.
2.องค์พิเศษ
-บูชา 3,000 บาท
2. Special Version.
-Price 3,000 baht.
เจดียนุสติ
ด้านหลังพระยอดขุนพลบุเรงนอง มีรูป "เจดีย์" อันเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา และยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนิกายเอ็กกิ๊ยะ อย่างยุคที่นิกายเอ็กกิ๊ยะเจริญรุ่งเรืองที่สุดในพุกาม คนในนิกายก็ได้สร้างเจดีย์ไว้เป็นพุทธบูชามากมาย พุกามจึงได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งทะเลเจดีย์" ว่ากันว่าถ้านับเจดีย์ทั้งหมดทั่วพุกาม อาจมีมากถึง 1,000,000 องค์ เท่ากับคนในนิกายเอ็กกิ๊ยะในสมัยนั้นเลยทีเดียว นอกจากนี้ "เจดีย์" ยังเป็นเครื่องเตือนสติ ให้ผู้บูชาระลึกนึกถึงแต่คุณงามความดีอยู่เสมอ
The Sign Of Goodness.
Backside of Phra Yord Khun Pol Bayinnaung is the image of "Pagoda", the evidence of prosperity in Buddhism. Moreover, "Pagoda" is the important symbol of Aggiya sect. Furthermore, "Pogoda" is the reminder for the prayer to cultivate good, to avoid evil, and to purify their mind.
พระยอดขุนพลบุเรงนอง ถูกทาด้วย "ชาด" ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ประหนึ่งคำอวยพรของพระอาจารย์โอที่มีให้แก่ผู้ศรัทธาว่า จะชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ขอให้เข้าถึงพระรัตนตรัย คงไว้ซึ่งความดีในจิตใจ จนถึงฟากฝั่งพระนิพพาน
"Vermillion" was used to cover "Phra Yord Khun Pol Bayinnaung" for both side. The meaning of this color is so auspicious, it means no matter this life or next life, the prayer will reach Triple Gem of Buddhism until accomplish nirvana.
พระยอดขุนพลแห่งจอมจักรพรรดิผู้เกรียงไกร
"พระยอดขุนพลบุเรงนอง" ชื้อนี้มีประวัติความเป็นมา ล้ำค่าสุดสง่าในหงสา ถูกสร้างขึ้นโดยจอมจักรพรรดิบุเรงนองกะยอดินนรธา น้อมถวายเป็นพุทธบูชาบรรจุไว้ในยอดมหาเจดีย์
พระยอดขุนพลองค์ต้นแบบที่พระอาจารย์โอได้นำมาเป็นต้นแบบนั้นการสร้าง ถูกพบในเจดีย์หลวงกลางเมืองหงสาวดีที่ชำรุดเสียหาย หลังเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวช่วงปี2500ต้นๆ เป็นพระเนื้อทองคำที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุเรียกว่า “เอ็กกิ๊ยะประดาสุ่ย” อยู่ในหมวดของ “ยัตตะยะนะสุ่ยเล็กเปี่ย” คือปรอทสำเร็จยาประเภทหนึ่ง สังเกตได้จากคราบยาศิลาอาถรรพ์ที่ผุดออกมาจากองค์พระ
ถือเป็นพระเครื่องเนื้อทองคำในตำนานที่มีหลักฐานระบุไว้ว่า พระเจ้าบุเรงนองเป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์ จำนวนจัดสร้างมีทั้งหมด 80 องค์ตามพระชนมายุของพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน สามารถแบ่งย่อยออกได้ 2 พิมพ์ ศิลปะอ่อนช้อยงดงามมาก ด้านหลังมี "รูปเจดีย์" ประดิษฐานอยู่
สันนิษฐานกันว่าพระเจ้าบุเรงนองอาจจะสร้างพระไว้หลายพิมพ์ หลากมวลสาร บรรจุไว้ในเจดีย์หลายองค์ อย่างไรก็ดีพระอาจารย์โอท่านก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่ามีพระยอดขุนพลแบบอื่นๆที่พระเจ้าบุเรงนองเป็นผู้สร้างอยู่ แต่ท่านก็ไม่มั่นใจว่าพระยอดขุนพลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องกับพระเจ้าบุเรงนองหรือไม่ แต่สำหรับพระยอดขุนพลเนื้อทองคำทั้ง 2 พิมพ์นี้ ท่านมั่นใจ 100%
โดยปกติแล้วพระยอดขุนพลทั้ง 2 พิมพ์นี้จะถูกเก็บรักษาไว้ในพม่า ดั่งสมบัติแห่งชาติเลยก็ว่าได้ ยากนักที่จะมีหลุดรอดออกมาให้ผู้คนได้พบเห็นกัน แต่เนื่องด้วยว่ามีพระพม่ารูปหนึ่งที่เป็นอาจารย์ของพระอาจารย์โอ ท่านเป็นพระที่พุทธศาสนิกชนในพม่าทุกระดับชั้นเคารพนับถือศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมในการถือครองพระยอดขุนพลทั้ง2องค์นี้ แล้วก็ตกทอดมาถึงพระอาจารย์โอในที่สุด
Phra Yord Khun Pol Of The Mighty Emperor.
This is the prototype of "Phra Yord Khun Bayinnaung" that Phra Arjarn O got from his master who is the holy monk in Myanmar. It was made of "Alchemical Gold" follows Aggiya knowledge. People believe that “Bayinnaung Kyawhtin Nawrahta” made this amulet as the offering to Buddha before put inside the great pagoda in Hanthawaddy around 400 years ago. There are 2 models consisted of 80 pieces equal the lifetime of Buddha were found inside the pagoda.
ในตอนแรกพระอาจารย์ว่าจะสร้าง "พระยอดขุนพลบุเรงนอง" จากทองคำที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ (เอ็กกิ๊ยะประดาสุ่ย) แต่ก็มีจำนวนไม่มากพอ พระอาจารย์ท่านจึงเลือกนำ "เส่ต่อ" คือยาพม่าจากนิกายต่างๆทั้ง 56 นิกายที่ท่านสะสมมาทั้งชีวิต ตั้งแต่ช่วงที่เดินทางเข้าออกประเทศพม่าอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงเส่ต่อที่ท่านได้รับตกทอดมาจากครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ซึ่งรวมกันแล้วก็นับได้หลายพันอัน โดยพระอาจารย์โอนำเส่ต่อของทั้ง 56 นิกายมาตำบดผสมรวมกัน เพื่อก่อเกิดใหม่เป็นพุทธปฏิมาแห่งองค์พระสัพพัญญู มีพุทธศิลป์งดงามเหมือนพระยอดขุนพลที่พระเจ้าบุเรงนองเคยสร้างไว้เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้วอย่างไม่ผิดเพี้ยน
Phra Arjarn O made his "Phra Yord Khun Bayinnaung" by imitating the model from Phra Yord Khun (Gold) that made by Bayinnaung 400 years ago & using purely "Holy Myanmar Medicine" of 56 sects as the material.
"เส่ต่อ" ตำนานยาวิเศษแห่งดินแดนพันเจดีย์
นี่คือยาวิเศษที่คนพม่าเรียกกันว่า "เส่ต่อ" เป็นของสะสมมีค่าของพระอาจารย์โอ ที่ท่านได้สะสมมานานหลายปี ท่านเล่าให้ฟังว่า "เส่ต่อ" เหล่านี้ท่านได้มาจากการเดินทางไปศึกษาแสวงหาความรู้และวิชาในสถานที่ต่างๆในแถบภาคเหนือของไทยจนเลยไปถึงเขตแดนของประเทศพม่า โดยเวลาที่พระอาจารย์ท่านไปตามสถานที่ต่างๆเหล่านี้ที่ส่วนมากเป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน บ้างก็อยู่ตามหุบเขาลำเนาไพร พระอาจารย์และสหธรรมิกในคณะเดินทางของท่านก็มักจะติดข้าวของเครื่องใช้และยารักษาโรคไปในปริมาณที่ค่อนข้างมาก บางทีเป็นกระสอบๆ บ้างก็เป็นสังฆทานที่ได้มาจากญาติโยมผู้ศรัทธา บ้างก็เป็นข้าวของที่ซื้อมาโดยใช้เงินปัจจัยที่พุทธศาสนิกชนถวายมา หากระหว่างเดินทางเจอชาวบ้านขัดสนสิ่งใด พระอาจารย์และคณะของท่านก็จะเมตตาให้ชาวบ้านเหล่านั้นเป็นการทำทาน
ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงก่อนที่ประเทศพม่าจะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประมาณก่อนปี 2532 เห็นจะได้ ในตอนนั้นเครื่องใช้สอยอุปโภคบริโภครวมไปถึงยารักษาโรค ค่อนข้างจะหาได้ยากในพม่า ซึ่งเวลาพระอาจารย์โอและคณะของท่านเดินทางพบเจอคนป่วยตามหมู่บ้าน ท่านก็จะนำยาที่พกติดมาให้คนเหล่านั้นได้นำไปใช้รักษาตัว ซึ่งชาวบ้านก็ไม่รู้จะตอบแทนพระอาจารย์ท่านด้วยสิ่งใด จึงมักนำของล้ำค่าที่พวกเขาหวงแหนเป็นสุด ถวายพระอาจารย์โอและคณะเดินทางของท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ของมีค่าที่ชาวบ้านเหล่านั้นถวายมาเพื่อเป็นเสมือนคำขอบคุณจากใจก็คือ "เส่ต่อ"
จริงๆแล้วในอดีตกาล ก่อนที่ความเจริญจะเข้าถึงคนในหมู่บ้านอันห่างไกลเหล่านี้ หมอยาประจำหมู่บ้านจะใช้ "เส่ต่อ" ในการรักษาโรคของผู้ที่เจ็บป่วย โดยจะนำ "เส่ต่อ" มาฝนหรือขูดเอาเท่าหัวเหา แล้วผสมน้ำกินน้ำอาบเอา ซึ่งส่วนใหญ่อาการเจ็บป่วยของผู้ที่มารักษาก็จะบรรเทาลงและดีขึ้นตามลำดับ หรือหายเป็นปลิดทิ้งทันตาเห็นเลยก็มี
แต่พอเวลาผ่านพ้นไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นหลายปี หมอยาแต่ละท่านที่มีความรู้ก็ล้มหายตายจากไปตามสังขารที่ร่วงโรย พร้อมกับภูมิปัญญาวิชาความรู้ที่มีในเรื่องของ "เส่ต่อ" แต่ยาวิเศษเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ได้ถูกส่งต่อให้ลูกหลานในครอบครัวเก็บรักษาสืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ เป็นมรดกสำคัญในตระกูลก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นำ "เส่ต่อ" มาใช้เหมือนที่บรรพบุรุษได้เคยทำไว้
นอกจากนี้เวลาที่พระอาจารย์โอท่านได้ไปศึกษาร่ำเรียนกับครูบาอาจารย์ในสายพม่า ครูบาอาจารย์ท่านก็จะให้ "เส่ต่อ" แก่พระอาจารย์โอไว้ นับๆรวมกันก็มีไม่น้อย พระอาจารย์โอท่านก็ได้เก็บรักษา "เส่ต่อ" เหล่านี้เรื่อยมา ทั้งที่รู้ว่าเป็น "เส่ต่อ" ประเภทไหนก็เยอะ ทั้งที่ไม่รู้ก็มาก ซึ่งพระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้นำ "เส่ต่อ" เหล่านี้ออกมาใช้เท่าใดนัก เพราะไม่สามารถยืนยันแน่ชัดว่าเป็นยาที่ถูกทำขึ้นในนิกายที่ท่านนับถืออยู่หรือไม่ เนื่องจากการใช้ยาต่างนิกายถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ส่วน "เส่ต่อ" ที่เป็นยาในนิกายที่พระอาจารย์ท่านนับถือโดยตรง จะถูกแยกเก็บไว้ต่างหากเป็นกรณีพิเศษ
ด้วยความที่พระอาจารย์โอท่านมีอุปนิสัยที่ไม่ค่อยจะเชื่อสิ่งใดง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ ท่านจึงได้ลองใช้ "เส่ต่อ" ที่ได้มารักษาสหธรรมิกในคณะเดินทางของท่านดู โดยบางรูปที่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม ท่านก็จะนำ "เส่ต่อ" ที่ท่านจำได้ว่าเป็นยารักษาบาดแผล มาฝนน้ำทาตรงบริเวณแผล ผลปรากฏว่าได้ผลดีจริง แผลแห้งเร็ว ไม่อักเสบและหายเร็วกว่าปกติ หรือพระบางรูปที่เกิดเจ็บป่วยไม่สบาย เป็นไข้ หรือโดนสัตว์มีพิษกัดต่อย พระอาจารย์ท่านก็จะนำ "เส่ต่อ" ที่เป็นยารักษาพิษไข้และล้างพิษจากสัตว์ มาแคะออกมาเท่าหัวเหา แล้วผสมน้ำให้ดื่มกิน ก็ปรากฏว่าได้ผลดีเช่นเดียวกัน และก็มีที่พระบางรูปเกิดฝันร้าย พอพระอาจารย์โอท่านนำเส่ต่อผสมน้ำให้ทาน อีกคืนนึงก็ฝันดีแบบนี้ก็มี ท่านเลยว่าสมชื่อ "เส่ต่อ" จริงๆ เพราะคำว่า "เส่" แปลว่า "ยา" ส่วนคำว่า "ต่อ" แปลว่า "ดี" ในภาษาไทย ดังนั้นคำว่า "เส่ต่อ" เมื่อแปลรวมกันเป็นภาษาไทยจึงมีความหมายตรงตัวว่า "ยาดี" คือมีสรรพคุณครอบจักรวาล ใช้ได้สารพัดประโยชน์ตามเหตุปัจจัยขั้นพื้นฐานอย่างมีประสิทธิผล แค่เก็บไว้กับตัวก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว
The Holy Medicine From 1,000 Pagodas Land.
“Holy Myanmar Medicines” are the worth beyond the domain of monetary value. Phra Arjarn O spends a lot of attempt to collect these medicines completely because it has supreme power and complete function.
รายชื่อ56นิกายที่พระอาจารย์โอได้นำ “เส่ต่อ” ของแต่ละนิกายมาเป็นมวลสารในการสร้าง “พระยอดขุนพลบุเรงนอง”
1=เอิด สา สะ ยะ มะ เหิด ถึ เสอ ไกน์
2=โซย ยิน กโย เอิด สา สะ ยะ มะ เหิด ถึ เสอ ไกน์
3=มะ โน เซิด ตุ้บ ป้าด ไกน์
4=แซด กะ ปยู หา ไต้น์ ไกน์ (ปุ ตื้อ ไกน์)
5=เวิด สา เล่อ ปา ไกน์
6=มะ หา ตัน โป ถึ ไกน์
7=ตะ ระ พู ไกน์
8=โพ้ ตู โต ไกน์
9=อา ลา วะ ก้ะ ไกน์
10=วะ ยะ มะ ป้ะ เตาน์ สิน ไกน์
11=เตอ วือ ไกน์
12=ตู รัด สะ ตื้อ ไกน์
13=เตอ วือ โก้ ปา ไกน์
14=โกน ตัน ยะ วึ ตุ้บ ถึ ปา แมะ ไกน์
15=แย่ด กั้น สิน เตาน์ ไกน์
16=เอาน์ โต มู้ ไกน์
17=โกม ผัน หโม ไกน์
18=พะ ย่า เล่อ ซู ไกน์
19=ซ้ะ ม่ะ เล่อ ล่ม ไกน์
20=หโม เตอ สยิ้น ไกน์
21=อั้ด ทะ ระ ต้ะ ไกน์
22=มะ เหิด ถึ วิ้น ไกน์
23=มะ โน มะ ยะ วิ้น ไกน์
24=อัน ติ มะ นะ กา มาน วิ้น ไกน์
25=โปบ ติน กู้ ระ อัน ติ มะ วิ้น ไกน์
26=กยื้อ เล่อ ล่ม อัน ตุ ปะ ละ อัน ติ มะ วิ้น ไกน์
27=เอิ้ด แมด ยะ เอิด สา สะ ยะ เวิด สา มะ เหิด ถึ เซ้อ โต กยื้อ ไกน์
28=แซด กย้ะ วะ ลา อะ นัน ตะ ไกน์
29=น่าด กยื้อ เล่อ ปา ไกน์
30=ตัน มา เตอ วะ ซะ มะ หโม ไกน์
31=มะ หา อา ตา นา ติ ยะ ไกน์
32=ปะ ทะ มัน ไกน์
33=โป ถึ แป้ด คิ ยะ ปะ ทะ มัน ไกน์
34=เอิด สา สะ ยะ ปะ ทะ มัน ไกน์
35=วิ ปัส ตะ นา ไกน์
36=ตะ ระ นะ กม ไกน์
37=คะ ไยน์ ไกน์
38=มัน ตัน เวิด สา ไกน์
39=ปยัน มา หแน่ด แซ ไกน์
40=น้าด เยอ สิน ไกน์
41=ตะ กเยิ้ด หแน่ด ปา อิ้น หโม ไกน์
42=ตะ กเยิ้ด หแน่ด ปา ย้บ หโม ไกน์
43=เนอ ตู เริน ไกน์
44=น่าด กยื้อ งา ปา ไกน์
45=หะย่า ไกน์
46=เวิ้ด สา เติ้ด ป้ะ เวิ้ด สา ทะ ระ ไกน์
47=มะ โน มะ เยิด ถึ ไกน์
48=ขัน ทา โซ ติ มะ นิ ยะ ตะ นา วิ ปัส ตะ นา สา มะ สา ระ หโม สิน ไกน์
49=โก้ นะ วิน ไต้น์ ไกน์
50=มย้าด โซ้ ยือ นาวน์ ไต้น์ ไกน์
51=อะ ลาวน์ โต ไกน์
52=สะ มะ ปะ ทะ มัน ไกน์
53=นะ โม เวิ้ด สา ไกน์
54=ตาวน์ สิน วิ ปัส ตะ นา สา เวิ้ด สา โท เอิด สา สะ ยะ ซั้น มะ โน ไกน์
55=เอิด สา สะ ยะ มะ หา ปะ ทะ มัน ไกน์
56=เนอ ตา ระ ไกน์
ปล.รายชื่อแต่ละนิกายอาจจะออกเสียงไม่ตรง เพราะบางนิกายใช้ภาษาบาลีพม่า
The name list of 56 sects in Myanmar that Phra Arjarn O took “Holy Myanmar Medicine” from each sect to be the material of “Phra Yord Khun Pol Bayinnaung”.
“เส่ต่อ” จาก56นิกาย บางอันมูลค่าหลายหมื่น หลายอันประเมินค่ามิได้ ถูกบดพลีเป็นเนื้อมวลสารล้วนสำหรับการสร้าง พระยอดขุนพลบุเรงนอง
“Holy Myanmar Medicine” of 56 sects were blended to be the pure material for making “Phra Yord Khun Pol Bayinnaung”. Some of these medicines are priceless, some are introuvable.