รายละเอียด:
พ่อปู่องค์ดำแสนศิริจันทรานาคราช, อาจารย์อินทร์แก้ว, สำนักดงพญาธรรม
ผู้เป็นใหญ่แห่งเมืองบาดาล
ผู้คอยเฝ้าดูแลทรัพย์สมบัติแห่งเมืองบังบด
นาคนิลกาฬประกายทองที่มีลำตัวใหญ่ที่สุด
ในเหล่าวงศ์วานพญานาค ผู้กำราบคนชั่ว
เมตตาคนมีศีลธรรม และคอยช่วยเหลือ
ปกปักรักษาคนดี แห่งสำนักดงพญาธรรม
สำหรับประวัติความเป็นมาของ "พ่อปู่องค์ดำแสนศิริจันทรานาคราช" ต้องย้อนไปสมัยที่อาจารย์อินทร์แก้วท่านอายุได้ประมาณ 19 ขวบปี ท่านเล่าว่าตอนนั้นพื้นที่บริเวณสำนักดงพญาธรรมในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด คงเป็นป่าดงพงไพรอยู่ คุณปู่กับคุณย่าของท่านจึงได้สรางกระท่อมหลังเล็กๆไว้ให้อาจารย์อินทร์แก้วได้มานั่งปฏิบัติภาวนาตามเจตจำนงค์อย่างผู้ใฝ่ศีลใฝ่ธรรมพึงกระทำ
The Black Naga Guru by Arjarn Inkaew, Dong Phaya Tham Institution.
The eldest of the underground city who keeps watch over the wealth of the legendary town.
The gold glittering black scales Naga who has the largest body among the Naga dynasty.
The conqueror of evil, the wealthy underworld deity who always be kind to moral people and protect good people.
For the history of "The Black Naga Guru (Phor Pu Ong Dam Saen Sirichandra Nakarat)" has to go back to the time when Arjarn Inkaew was about 19 years old. He said that at that time in the area around Dong Phaya Tham Institution, there were no buildings yet. It was still dense forest and abandoned land. Therefore, his grandfather and grandmother built a small hut for Arjarn Inkaew to stay and practice meditation according to his intention, as a person who pursues precepts and Dhamma should do.
เมื่อสร้างกระท่อมเสร็จ อาจารย์อินทร์แก้วก็ได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน ณ ที่กระท่อมแห่งนั้นว่า ท่านจะตั้งใจปฏิบัติภาวนาจำศีล เดินจงกรม กินข้าวหนึ่งมื้อ และปิดวาจา เป็นเวลา 15 วันติดต่อกัน อาจารย์อินทร์แก้วท่านเล่าว่า พอประมาณวันที่ 7 วันที่ 8 ในขณะที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่ ได้เกิดนิมิตขึ้นในดวงจิตของท่านในนิมิตนั้นท่านเห็นว่า รูเล็กๆบนพื้นดินเบื้องหน้ากระท่อมที่ท่านนั่งอยู่ ได้กลายเป็นสระน้ำทรงสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นมา มีบันไดให้เดินลงไป และข้างๆสระน้ำได้ปรากฏร่างของชายร่างใหญ่กายสีดำ แต่ท่านเห็นหน้าตาไม่ชัดเจน กล่าวกับอาจารย์อินทร์แก้วว่า จะพาท่านจะพาลงไปดูเมืองบาดาล อาจารย์อินทร์แก้วก็ตอบตกลงและเดินลงสระน้ำไปกับชายท่านนั้น อาจารย์อินทร์แก้วเล่าว่า พอท่านเดินลงไปก็เหมือนได้เห็นเมืองอีกเมือง มีลักษณะคล้ายทุ่งนา มีคลองน้ำใสทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สองฝั่งคูน้ำมีปราสาทโบราณและสิ่งปลูกสร้างที่มีความวิจิตรตระการแปลกตาจากเมืองมนุษย์เต็มไปหมด ท่านได้เดินตามชายท่านนั้นไปนานแค่ไหนไม่ทราบได้ จนมารู้ตัวอีกทีก็คือตอนออกจากสมาธิ
When the hut was completed, Arjarn Inkaew made a truthful prayer at the hut that he would focus on practicing meditation, hibernating, walking meditation, eating one meal, and closing his speech for 15 days in a row. Arjarn Inkaew said that approximately on the 7th day, or the 8th day, while he was meditating, a strange vision arose in his mind. In that vision he saw that a small hole on the ground in front of the hut where he was sitting, there was a square pond appeared. That square pond has stairs to walk down. And next to the pond appeared the figure of a big black man. But, he couldn't see his face clearly. The big black man said to Arjarn Inkaew that he would lead Arjarn Inkaew to see the underground city. Arjarn Inkaew agreed and walked down the pond with the big black man. Arjarn Inkaew said that when he walked down, he saw another city that looked like a rice field with a canal of clear water stretching as far as his eye could see. On both sides of the moat, there were ancient castles and buildings that were full of splendor and strangeness from human cities. While Arjarn Inkaew followed that big black man, he did not know how long until he became aware of consciousness again after he came out of meditation.
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชายร่างใหญ่กายสีดำก็มาหาอาจารย์อินทร์แก้วในนิมิตอีก ซึ่งครั้งนี้เขาได้บอกอาจารย์อินทร์แก้วว่า ให้ขุดสระตรงที่เขาพาเดินลงไปชมเมืองบาดาล ถ้าอาจารย์อินทร์แก้วทำให้เขาได้เขาจะช่วยอาจารย์อินทร์แก้วสร้างสถานที่ตรงนี้ให้เจริญรุ่งเรือง และค้ำชูให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนที่จะได้ใช้ประโยชน์สืบไปในภาคภาคหน้า พออาจารย์อินทร์แก้วได้ยินดังนั้น ท่านก็ได้รับฟัง แต่ยังไม่ได้ตอบรับ เพราะคิดในใจอยู่ว่าท่านจะไปหาเงินจากไหนมาสร้าง เนื่องด้วยตอนนั้นท่านมีอายุแค่ 19 ปี แล้วนิมิตนั้นก็ได้หายไป
ในช่วงนั้นอาจารย์อินทร์แก้วยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ในมหาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดโคราช ปรากฏว่ามีแม่บ้านมหาลัยที่สนิทกับท่าน ได้มาเล่าให้ท่านฟังว่า ในคืนนึงเธอฝันว่ามีชายตัวใหญ่ร่างดำเดินขึ้นมาจากสระน้ำ มาบอกเลขเธอในฝัน พอเธอนำเลขที่ได้มาไปเสี่ยงโชค ก็ได้โชคได้ลาภมาจริง พออาจารย์อินทร์แก้วได้ฟังถึงรายละเอียดของความฝันที่แม่บ้านได้ประสบพบเจอมา ท่านก็ทราบทันทีว่าผู้ชายที่ไปเข้าฝันแม่บ้าน คงจะไม่ใช่ใครนอกจากชายตัวใหญ่ร่างดำคนเดียวกันกับที่ท่านได้พบเจอในนิมิต ท่านจึงได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดที่ท่านได้สัมผัสมาให้แม่บ้านฟังเหมือนกัน
After a few days, the large man with a black body came to Arjarn Inkaew in the vision again. This time he told Arjarn Inkaew that he wanted Arjarn Inkaew to dig a pond at the place where he led Arjarn Inkaew to walk down to see the underground city. If Arjarn Inkaew could do it for him as he requested, he would help Arjarn Inkaew made this place become prosperous and keep it being a place for Dhamma practice for Buddhists to use in the future. When Arjarn Inkaew heard this, he listened but hadn't responded to the big black man yet. Because he was thinking in his mind about where he would get the money to build it? Because at that time he was only 19 years old. Then, the vision disappeared.
During that time, Arjarn Inkaew was still studying at a university in Korat Province. It appeared that there was a university housekeeper who was close to him told Arjarn Inkaew that, while she was sleeping, she dreamed that a big black man walked up from the pond and told her some numbers in her dream. When she took the numbers she got to buy a lottery ticket, and she got a lottery prize surprisingly. When Arjarn Inkaew heard the details of the dream that the housekeeper had experienced, he immediately knew that the big black man who had entered the housekeeper's dream was probably none other than the same big black man who Arjarn Inkaew had met in his vision. So, he told the housekeeper all the stories he had experienced as well.
เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นแม่บ้านในมหาลัยและอีกหลายๆคนก็ได้โชคได้ลาภจากการอธิษฐานขอกับชายตัวใหญ่ร่างดำผู้นั้น บางคนถูกหวยรวยเบอร์ติดกันเป็น 10 งวด จนวันหนึ่งบรรดาผู้คนที่เชื่อว่าพวกเขาได้โชคได้ลาภมาจากความช่วยเหลือของผู้ชายที่เดินขึ้นมาจากสระน้ำ ก็ได้รวบรวมเงินนำมาให้อาจารย์อินทร์แก้วเป็นจำนวนเกือบ 50,000 บาท เพื่อให้อาจารย์อินทร์แก้วนำเงินไปขุดบ่อสร้างสระตามความต้องการของชายตัวใหญ่ร่างดำที่เคยมาบอกอาจารย์อินทร์แก้วในนิมิต
This story has gradually spread. After that, other university housekeepers and many others had the big fortune of praying to that big black man. Some people won the lottery prize 10 times in a row. Until one day, people who believed they had got great luck and great fortune, with the help of the man who walked up from the pond, collected money and brought it to Arjarn Inkaew. The amount of money was almost 50,000 baht, so that Arjarn Inkaew could use the money to dig the ground to be a pond, according to the request of the big black man who had come to tell Arjarn Inkaew in his vision.
พออาจารย์อินทร์แก้วได้ขุดสระขึ้นตามความประสงค์ของชายตัวใหญ่ร่างดำผู้นั้นแล้ว เรื่องอัศจรรย์ต่างๆก็ได้เกิดขึ้นมากมาย อะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็เริ่มเป็นไปได้หมด จนกระทั่งท่านสามารถสร้างสำนักดงพญาธรรมเสร็จในขณะที่ท่านอายุเพียง 20 ปีต้นๆเท่านั้น ท่านจึงเชื่อว่าเบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ย่อมเกิดขึ้นได้จากความช่วยเหลือของชายตัวใหญ่ร่างดำที่ได้ทำตามสัญญาอย่างที่เคยบอกกับท่านไว้อย่างแน่นอน
Once Arjarn Inkaew had dug a pond according to the request of that big black man, many miraculous things happened. Everything that was impossible began to become possible. Until he was able to complete the construction of the Dong Phaya Tham Institution while he was only in his early 20s. Therefore, Arjarn Inkaew believed that behind all this success, it was definitely possible with the help of the big black man who had fulfilled the promise he had made to Arjarn Inkaew.
ซึ่งหลายต่อหลายคน ทั้งพราหมณ์, สหายธรรม และลูกศิษย์ลูกหาที่เคยมานอนพักอาศัยที่สำนักดงพญาธรรมของอาจารย์อินทร์แก้ว ก็มักเล่าถึงความฝันที่มีรายละเอียดตรงกันว่า พวกเขาได้ฝันเห็นงูสีดำประกายทอง ตัวใหญ่เท่าต้นตาล เลื้อยไปมารอบๆสระน้ำที่อาจารย์อินทร์แก้วสร้างไว้ บ้างก็ฝันเห็นคณะผู้คนใส่ชุดขาว ที่แต่งตัวแปลกตา เดินเรียงเป็นแถวขึ้นมาจากสระน้ำนั้น บ้างก็ฝันเห็นปราสาทโบราณคล้ายกับปราสาทขอม ที่มีสัตว์แปลกๆอาศัยอยู่โดยรอบ เช่นเสือที่บินได้ หรือช้างที่มีปีกเป็นต้น
Many people, including Brahmins, Dhamma-farers, and Arjarn Inkaew's disciples had come to stay at Dong Phaya Tham Institution. They often told stories about dreams that had the same details. They dreamed of seeing a gold glittering black scales snake that was big as a palm tree slithering around the pond that Arjarn Inkaew built. Some dreamed of seeing a group of people wearing strangely dressed white clothes walking up in a line from that pond. Some dreamed of seeing ancient castles similar to the Khmer castle with strange animals living around, such as a tiger that can fly or an elephant with wings, etc.
เรื่องราวทั้งหมดที่เล่ามานี้ อาจารย์อินทร์แก้วท่านได้นำเรียนสอบถามท่าน "ปู่ฤาษีโสฬส ครูใหญ่วิชาอาคมแดนอีสาน" ว่าแท้จริงแล้วชายตัวใหญ่ร่างดำผู้นั้นเป็นใครกันแน่ ท่านปู่ฤาษีโสฬสก็ได้บอกอาจารย์อินทร์แก้วว่า สถานที่ตรงนี้เคยเป็นเมืองบังบดเก่า มีภพภูมิต่างๆทับซ้อนเป็นมิติๆอยู่เยอะมาก ซึ่งชายตัวใหญ่ร่างดำที่อาจารย์อินทร์แก้วได้พบเจอมานั้น คงเป็นพญานาคตระกูลหนึ่ง มีผิวกายเป็นสีดำนิลกาฬ ที่ต้องการมาช่วยอาจารย์อินทร์แก้วสร้างสำนักดงพญาธรรม สร้างสถานที่ๆจะก่อคุณประโยชน์ให้แก่พุทธศาสนิกชน ตั้งแต่นั้นมาอาจารย์อินทร์แก้วจึงถวายนามเรียกชายตัวใหญ่ร่างดำผู้นั้นว่า "พ่อปู่องค์ดำแสนศิริจันทรานาคราช" หรือปู่องค์ดำ ผู้เป็นใหญ่แห่งเมืองบาดาล ผู้คอยเฝ้าดูแลทรัพย์สมบัติแห่งเมืองบังบด พญานาคสีดำประกายทองที่มีลำตัวใหญ่ที่สุดในเหล่าพญานาค ผู้กำราบคนชั่ว เมตตาคนมีศีลธรรม และคอยช่วยเหลือปกปักรักษาคนดี
Arjarn Inkaew told all these stories to "Grandfather Lersi Solot, the headmaster of Isan magic" and asked Grandfather Lersi Solot that he really wanted to know who the big black was. Then, Grandfather Lersi Solot told Arjarn Inkaew that this place (Dong Phaya Tham Institution) used to be the legendary town or hidden city. There are many overlapping worlds and dimensions. The big black man that Arjarn Inkaew had met was probably one of the Naga families, whose body's skin was black, who wanted to help Arjarn Inkaew build the Dong Phaya Tham Institution to be a place where it would bring benefit to Buddhists. Since then, Arjarn Inkaew established the name of that big black man as "Phor Pu Ong Dam Saen Sirichandra Nakarat" or Pu Ong Dam (The Black Naga Guru), the eldest of the underground city who keeps watch over the wealth of the legendary town, the gold glittering black scales Naga who has the largest body among the Naga dynasty, the conqueror of evil, the wealthy underworld deity who always be kind to moral people and protect good people.
อาจารย์อินทร์แก้วจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลอันสื่อถึงปู่องค์ดำขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระคุณที่ปู่องค์ดำได้ช่วยท่านสร้างสำนักจนเสร็จ และเพื่อเผยแผ่บารมีของปู่องค์ดำให้เป็นที่เกริกก้องเกรียงไกรไปถึง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล โดยท่านได้ปั้นหุ่นขึ้นตามนิมิตที่ปู่องค์ดำท่านมาปรากฏให้เห็นหลังจากที่อาจารย์อินทร์แก้วได้ขุดบ่อก่อสระตามความประสงค์ของปู่องค์ดำเสร็จสมบูรณ์ กล่าวคือท่านไม่ได้มาปรากฏในรูปลักษณ์ของชายร่างใหญ่กายดำเหมือนช่วงแรก แต่รูปลักษณ์ที่ปู่องค์ดำได้มาปรากฏให้อาจารย์อินทร์แก้วเห็นในนิมิตหรือในสมาธิช่วงหลังมานั้น ท่านจะมาปรากฏในร่างของชายสูงอายุมีหนวดเครายาว สวมผ้าโพกหัวอย่างที่ชาวพราหมณ์ฮินดูนิยมสวมใส่กัน และข้างกายท่านมีงูสีดำเป็นบริวารอารักขา ซึ่งตั้งแต่ท่านมีดำริจัดสร้างปู่องค์ดำรุ่นนี้ขึ้น ก็ได้บังเกิดเหตุอัศจรรย์ตั้งแต่วันที่ท่านปั้นหุ่นเทียนองค์ท่านเสร็จทันทีกล่าวคือท้องฟ้าเบื้องบนสำนักท่าน ได้ปรากฏก้อนเมฆที่มีลักษณะคล้ายพญานาคแผ่พังพาน ถือเป็นนิมิตมงคลว่าปู่องค์ดำท่านได้รับรู้รับทราบถึงการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้
From all of the above stories, Arjarn Inkaew created a sacred object that represents "Phor Pu Ong Dam Saen Sirichandra Nakarat" or Pu Ong Dam (The Black Naga Guru) to remember the grace that The Black Naga Guru had in helping him complete the building of Dong Phaya Tham Institution, and in order to spread the virtue of The Black Naga Guru to be famous in the 16 levels of heaven, 15 levels of earth, and 14 levels of underground. Arjarn Inkaew created a prototype wax figure according to the vision of The Black Naga Guru appearing after Arjarn Inkaew completely built the pond following The Black Naga Guru's request. That is, The Black Naga Guru did not appear in the form of a big black man like in the beginning. But the appearance that The Black Naga Guru had appeared to Arjarn Inkaew in visions or in meditation later, he would appear in the form of an elderly man with a long beard, wearing a turban, as Hindus & Brahmins usually wear, and beside him were black snakes as his guardian. Since Arjarn Inkaew had the idea of creating this batch of The Black Naga Guru, a miracle happened from the day he finished making the prototype wax figure. That is, the sky above his magic institution had strange-shaped clouds that looked like Naga spreading its hood. This phenomenon was considered an auspicious sign that The Black Naga Guru had been informed of the creation of this amulet.
หลังจากนั้นอาจารย์อินทร์แก้วจึงได้นำชนวนมวลสารโลหะและแผ่นยันต์อันมีฤทธิ์มาหล่อหลอมขึ้นเป็นรูปหล่อแทนปู่องค์ดำ แล้วอุดผงมวลสารมงคลต่างๆไว้ใต้ฐาน อาทิเช่น:
- ดิน7จอมปลวก, ดิน7ทุ่ง, ดิน7ท่าน้ำ, ดิน7สระ, ดิน7โป่ง, ดิน7ใจกลางเมือง
- ผงมวลสารศักดิ์สิทธิ์สำคัญ(หัวเชื้อ) ของปู่ฤาษีโสฬสที่ท่านใช้ทำเครื่องราง
- ผงมวลสารศักดิ์สิทธิ์กว่า1,000ชนิด จากอาจารย์ฤาษีเสกสรรค์ทายาทธรรมองค์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
- ผงไม้นางตะเคียนทอง (ตอนได้มาเคยไปปรากฏให้คนเห็น ไปให้หวยอยู่บ่อยครั้ง)
- ว่านนะหน้าทอง ทำมาจากว่านนะหน้าทอง แบบปลูกตามตำรา เลี้ยงด้วยวิชา เป็นที่สุดของด้านเสน่ห์เมตตา (ปลูกเลี้ยงตามวิชาจากอ.ป๊อป)
- ผงมุนีจินดา (ผงครูเสน่ห์เรียกลาภ) เป็นผงแป้งที่อาจารย์อินทร์แก้วเคยสร้างออกให้บูชา จึงได้แบ่งเก็บไว้จำนวนนึงเห็นผลประจักษ์และมีประสบการณ์จากคนที่นำไปใช้ส่วนมากจะดีทางค้าขายมาก ตามมาด้วยคนเมตตาเป็นที่สุด จึงได้นำมาผสมเข้า เพื่อให้ผู้ที่ถือบูชาเกิดเป็นเมตตาแก่ผู้พบเห็น
- แร่เหล็กไหล13ชนิด, ว่านดอกทอง, ว่านเสน่ห์จันทร์7ชนิด, ว่านกาหลง, ดอกเครือเขาหลง, ว่านไก่แดง, ว่านไก่เขียว, ว่านพญาเทครัว, ว่านแสนนางล้อม, ว่านแสนพันล้อม, ว่านยานางผมหอม, ดอกมะเขือบ้า, ใบชุมแสง, ใบแจ้ง, ใบราชพฤกษ์, ใบชัยพฤกษ์, ใบขนุน, ใบพยุง, ดอกรักซ้อน, ดอกลำโพง, ดอกหมาหลง, และดอกไก่แดง เป็นต้น แล้วจึงจารมหาอักขระ 4 ตัวไว้ใต้ฐานด้วยพระคาถาอัญเชิญพญานาค "นา คา มา มะ"
After that, Arjarn Inkaew took sacred metals and Yantra sheets to cast into the statue representing The Black Naga Guru. Then, Arjarn Inkaew filled the base with various auspicious powders such as:
- Soil of 7 termite hills, soil of 7 fields, soil of 7 waterfronts, soil of 7 ponds, soil of 7 salt lick areas, and soil of 7 city centers.
- A special sacred powder of Grandfather Lersi Solot that he used to make amulets.
- A sacred powder of over 1,000 types from Lersi Seksan, the disciple of LP.Hong Prompanyo.
- Nang Ta Khian powder (When Arjarn Inkaew got it, the female nymp of Ta Khian (Hopea odorata) often appeared for people to see and also gave a lucky number to win the lottery.)
- Golden Face Herb Powder, made from Golden Face Herb that was planted and watered by magic ritual, its power is very strong in the case of charm. (Arjarn Inkaew got it from Arjarn Pop)
- Muneejinda Powder, it is a famous magic powder that Arjarn Inkaew had released out for rent, so he kept some to be a material for making his amulets further. There are many experiences from people who have ever used this Muneejinda Powder. They said this magic power can help them to have good business and enhance their charming appearances. So, Arjarn Inkaew uses this Muneejinda Powder to be a material for making amulets according to its loving-kindness power.
- 13 types of Leklai and various kinds of supernatural herb.
Moreover, Arjarn Inkaew wrote 4 great magic characters "Na Ga Mar Ma" on the bottom of The Black Naga Guru which is the sacred mantra to summon the Naga.
นอกจากนี้อาจารย์อินทร์แก้วยังได้นำ "นิลดำ" ซึ่งเป็นอัญมณีที่สื่อถึงปู่องค์ดำโดยตรง เพราะมีสีสันเฉกเช่นเกล็ดแก้วนิลกาฬขององค์ท่าน มาประดับไว้ที่บริเวณท้อง และเมื่ออ้างอิงตามความเชื่อในศาสตร์ของอัญมณี ผู้คนได้เชื่อถือกันมานานว่านิลดำนี้ เป็นหินที่มีมนต์เสน่ห์ลึกลับชวนให้น่าค้นหา สามารถเสริมอำนาจวาสนาบารมีให้แก่เจ้าของ และปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครองจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ ทั้งยังปัดเป่าสะท้อนพลังงานลบทั้งหลายไม่ให้มากล้ำกรายด้วยลักษณะทายกายภาพของนิลที่สะท้อนแสงได้ดี
In addition, Arjarn Inkaew also brought "Black Onyx", which is a gemstone that is directly associated with The Black Naga Guru because its color is as black as the scales of him to decorate the stomach area. According to beliefs in the power and magic of gemstones, people have believed for a long time that this black onyx is a mysterious stone that has charm that makes everyone want to explore it. It can enhance the power, fortune and prestige of the owner, and can also protect the owner from various evil things. It also dispels and reflects negative energy due to the physical characteristics of black onyx which reflects light well.
โดยในพิธีปลุกเสกอาจารย์อินทร์แก้วได้บอกกล่าวอัญเชิญปู่องค์ดำท่านให้มาอธิษฐานประสิทธิ์ประสาทความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ให้ด้วยตัวท่านเอง ผู้บูชาสามารถอธิษฐานขอพรในเรื่องต่างๆที่ไม่ผิดศีลละเมิดธรรม ตามที่ตนปรารถได้ทุกประการ จากประสบการณ์ที่ลูกศิษย์และผู้ศรัทธาได้นำไปบูชา จะเด่นมากในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ และปกป้องคุ้มครอง ยิ่งคนที่เป็นลูกหลานพญานาค มีความเคารพเชื่อมั่นศรัทธาในพุทธศาสนา ขออะไรจากปู่องค์ดำก็มักสำเร็จสมหวังอัศจรรย์ใจ
In the blessing ceremony, Arjarn Inkaew invited The Black Naga Guru to come and bless his statue by himself. The worshipers can pray to The Black Naga Guru for auspicious blessings they desire, but not violate morals or violate the Dhamma. From the experiences that disciples and believers have brought this statue to worship, this batch of The Black Naga Guru is very prominent in fortune, wealth, and protection. In particular, people who are descendants of the Nagas have respect and believe in Buddhism. Whatever they ask from The Black Naga Guru, it is always amazingly successful.
จัดสร้าง4แบบดังนี้:
รายการที่ 1. เนื้ออัลปาก้า (จัดสร้าง 10 องค์) บูชา 960 บาท
รายการที่ 2. เนื้อทองแดง (จัดสร้าง 20 องค์) บูชา 760 บาท
รายการที่ 3. เนื้อทองเหลือง(จัดสร้าง 20 องค์) บูชา 760 บาท
รายการที่ 3. เนื้อชนวน (จัดสร้าง 60 องค์) บูชา 760 บาท
There are 4 types made as follows:
Type 1. Alpaca material. (Made 10 pcs) , Price 960 baht.
Type 2. Copper material. (Made 20 pcs) , Price 760 baht.
Type 3. Brass material. (Made 20 pcs) , Price 760 baht.
Type 4. Bronze material. (Made 20 pcs) , Price 760 baht.