|
| เปิดเวบเมื่อ |
18/07/2554 |
| ปรับปรุงเวบเมื่อ |
18/09/2568 |
| ผู้ชมทั้งหมด |
|
|
|
| สินค้าทั้งหมด |
2612 |
|
|
|
|
|
ฝากติดตามเวปสำรองของทางร้าน
www.barameepokae.com Alternative website : www.barameepokae.com |
สินค้า/บริการ >> อาจารย์อินทร์แก้ว สำนักดงพญาธรรม >> ตะกรุดราชาขุนทึง อาจารย์อินทร์แก้ว, สำนักดงพญาธรรม
| ตะกรุดราชาขุนทึง อาจารย์อินทร์แก้ว, สำนักดงพญาธรรม รหัสสินค้า: 005853 ราคา: 860.00 บาท รายละเอียด:
ตะกรุดราชาขุนทึง, อาจารย์อินทร์แก้ว, สำนักดงพญาธรรม
วิชาราชาขุนทึง หรืออีกชื่อนั้นคือ "ขุนทึงนั่งเมือง" วิชานี้อาจารย์อินทร์แก้วได้สืบทอดร่ำเรียนตามจารีตอย่างถูกต้องจาก "อาจารย์คมเดช โพนเงิน หอพระพยัคฆ์" วิชาขุนทึงนั่งเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ปู่คมเดช ท่านหวงแหนมาก ที่ฟังจากท่านคือมีไม่กี่คน (ไม่แน่ใจว่าสองหรือสามคน) ที่ได้สืบได้เรียนจากท่าน
จากที่เคยได้ฟังจากครูอาจารย์นั้น ท่านว่าขุนทึงเป็นลูกชายของนางแอกไค้หรือแม่ยักษ์ขิณีนั่นเอง แม่ยักษ์ขิณีนั้นรักลูกมากยิ่งกว่าชีวิตตนเอง ในบางวิชาบางตำรานั้น จะมีการสร้างวิชาแม่ยักษ์ขิณีอุ้มลูก ด้วยคติโบราณที่ว่า แม่ยักษ์ขิณีนั้นรักลูกยิ่งกว่าชีวิตตน จึงได้ทำเป็นเคล็ดเป็นกลวิชาว่า เมื่อแม่ยักษ์ขิณีอยู่กับลูกขุนทึงแล้วนั้นแม่ยักษ์จะไม่ดุ จะใจดี จะคอยช่วยเหลือดูแลผู้บูชาประดุจบุตรในครรภ์นั้นเอง
ในตำนานนั้นก่อนที่ขุนทึงจะได้อำลาแม่ยักษ์ขิณีที่เป็นนาคน้ำในเมืองบาดาลนั้นกลับไปอยู่ในเมืองมนุษย์ แม่ยักษ์จึงได้พาขุนทึงไปหาคุณตา ที่เป็นเจ้าจอมกษัตริย์แห่งนาคราช เพื่อขอของวิเศษให้กับหลานของตน เพื่อคุ้มครองเมื่อไปอยู่ในเมืองมนุษย์ คุณตาจึงได้มอบของวิเศษให้หลานอยู่ 3 อย่างได้แก่ หม้อวิเศษ ไม้ขอ บ่วงเชือก
"หม้อวิเศษ" นั้นเมื่อ ขุนทึงปรารถนาสิ่งใด ให้พูดเรียกเอาจากในหม้อนั้น สิ่งที่ต้องการจะปรากฏออกมา "ไม้ขอ" ไม้ขอนี้ตาได้สั่งไว้ว่าหากแม้ว่าเดินไปในสถานที่แห่งใดก็ตาม ให้ลากไม้ขอนี้ไปตามพื้น หากไม้ขอ นี้ไปสะดุดเกาะเกี่ยวกับสิ่งใดจึงให้หยุดพักที่นั่นห้ามไปต่อ จะพ้นจากภัยอันตราย และเมื่อจักสร้างหมู่บ้านเป็นเจ้าเมืองเป็นกษัตริย์ให้นำไม้ขอนี้ ขีดเส้นไปตามพื้นดินในสถานที่ต้องการ จักได้สมปราถา สามารถควบคุมบริวารได้และเมืองนั้นเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ดี จึงได้เกิดวิชาอีกหนึ่งวิชาขึ้นมาคือ วิชาไม้ขอคำแปลงเมือง (ไม้ขอคำสร้างเมือง ) วิชานี้อาจารย์อินทร์แก้วก็ได้สืบเรียนมาจากปู่คมเดชอีกเช่นกัน และสุดท้ายคือ "บ่วงเชือกวิเศษ" ที่ไว้ใช้มัดผูกพญามาร แม้แต่เทพเทวดายังกลัวเกรง ที่เล่ามานี้คือตำนานนิทานที่เล่าสืบกันมา เล่าให้ฟังพอสังเขปถึงความเป็นมาในคำว่าขุนทึง
วิชานี้ครูท่านได้เล่าให้ฟังว่าเข็ดยำค้ำคูณมีฤทธิ์มากแท้ จากในตำรานั้นที่อาจารย์อินทร์แก้วได้สวดได้ท่อง ส่วนมากจะออกไปในทางค้ำคูณความร่ำรวยอำนาจ คุมคนคุมบริวาร เลื่อนฐานะตนให้สูงขึ้น ชนะคู่แข่งเหนือศัตรู และในบทช่วงท้ายยังได้กล่าวถึง การปราบผีฆ่าผีได้ด้วย วิชานี้ยังใช้ทำได้หลายอย่าง ทั้งลงทอง ทำตะกรุด หรือสักบนร่างกาย อาจารย์อินทร์แก้วเคยสักให้ลูกศิษย์ต่างชาติเขาบอกดีมากชีวิตเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาก ผู้คนเคารพเกรงใจช่วยเหลือ และทำรูปปั้นขุนทึง มีรายละเอียดบอกวิธีทำวิธีลงอย่างละเอียดชัดเจน
อาจารย์อินทร์แก้วจึงได้เลือกนำมาทำลงในตะกรุดทองแดง ลงยันต์หัวใจราชาขุนทึง ตามตำราทุกประการและได้แต่งเครื่องครูทำพิธีปลุกเสกเชิญครูมนต์ครูวิชามาประจุฤทธิ์ แต่ก็มีเรื่องแปลกอีกหนึ่งเรื่องในช่วงท้ายของการทำพิธีปลุกเสกที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์นั้น เมื่อกำลังนั่งสวดบริกรรมคาถาอยู่นั้นจู่ๆได้มีเสียงแตกดังปั้ง!! ดังออกมาจากตะกรุดที่วางกองอยู่ในพิธีต่อหน้าต่อตาอาจารย์อินทร์แก้ว (มีคลิปกล้องวงจรปิด ได้ยินเสียงเห็นภาพชัดเจนที่เคยลงไว้)
ในขณะนั้นที่อาจารย์อินทร์แก้วกำลังสวดบริกรรมอยู่เมื่อเสียงดังปั้งขึ้น ก็ตกใจสวดผิดสวดถูกจนต้องหยุดสวด และเริ่มสวดใหม่ เพราะเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เคยเจอแบบนี้ จะด้วยเหตุบังเอิญหรือเหตุผลต่างๆนาๆอะไรนั้นก์ไม่ทราบ แต่สิ่งที่อาจารย์อินทร์แก้วเชื่อมั่นคือ มันเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งวิชาและแรงครู เมื่อเสร็จพิธีผมจึงได้ลองสอบถามครูอาจารย์ว่าเหตุการณ์แบบนี้ มันเกิดจากอะไร ดีหรือไม่ดี ครูท่านว่า วิชาและของมันเข็ดมันยำมาก (แก่กล้าพลังมาก) ครูท่านยังให้ความรู้อีกอย่างที่โบราณเขาเชื่อถือคือ ถ้าหิ้งพระมันลั่นดังปั้ง! เองนั้น เขาถือว่าเป็นลางไม่ดีที่ครูวิชาเทพเทวดาในหิ้งท่านเตือนถึงลางร้ายสิ่งไม่ดีแต่ถ้าเสียงมันดังปั้ง! ออกมาจากในเครื่องครูพิธีกรรมหรือเครื่องรางนั้น เขาถือว่าค้ำคูณเข็ดยำมีฤทธิ์แก่กล้ามากนั้นเองครูอาจารย์โบราณท่านให้พึงสังเกตเถิด
และวิชาราชาขุนทึงนี้เป็นอันแปลกว่าในบทคาถานั้นจะกล่าวเรียกหาแม่ยักษ์ขิณีเป็นส่วนมากให้มาช่วยมาดลบัลดาลสมบัติทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวย ผู้คนรักใคร่เมตตาอุปถัมภ์ค้ำชู มีกินไม่รู้หมดสิ้นเลย และวิชาขุนทึงนี้จะมียักษ์อยู่ 4 ตนคอยรักษาคอยดูแลเกื้อหนุนอยู่ทั้งสี่ทิศ ผู้ใดสักการะบูชาราชาขุนทึง ก็จักได้รับอำนาจแรงพิสนูของแม่ยักษ์ขิณีและบริวารยักษ์อีกสี่ตน และถ้ากล่าวถึงอิทธิคุณนั้น ตำราได้เขียนไว้เลยว่า ใครได้เรียนวิชาขุนทึงนั่งเมืองนี้ จักรวยเท่าสิ้นโคตร ปรารถนาสิ่งใดจะได้สิ่งนั้นดั่งชอบ เงินทองจักมาดอมหอมเราดั่งโพนเขา (เงินทองหลั่งไหลมาสูงเท่าภูเขา) มีอยู่มีกินไม่รู้จักหมดสิ้นดั่งแม่น้ำในมหานที เป็นอำนาจมหาบารมีดียิ่งนัก ผาบข่มคน ผี เทวดามิจฉาทิฏฐิได้แล ไปหนที่สถานแห่งใดจักรุ่งเรือง มั่งมีเด่นดังกว่าผู้อื่น เป็นมหาเสน่ห์ต่อคนทั้งหลายที่พบเจอพบเห็น ไม่มีศัตรูมากล้ำกลายทำร้ายเราได้มันจะแพ้ภัยทันตาเห็นแล เมื่อสวดสาธยาย อยู่เสมอลาภสักการะจักหลั่งไหลมาไม่ขาดแล
ตำรายังว่าเมื่อสวดคาถาบูชาทุกวัน เงินทองไม่มีขัดสน เป็นเสน่ห์ดั่ง อินทร์แปลงแล (ตรงนี้มีคาถาเฉพาะ) ถือเอาเถิด ยังมีคาถาที่สำหรับใช้ ผาบผีร่าย ผาบคน โจร ผีเงือกงู ศัตรูคู่แข่ง ปราบได้สิ้นทั้งหมด (มีคาถาใช้เฉพาะ) และด้วยอำนาจแรงครูของแม่ยักษ์ขิณีและบริวารยักษ์ทั้งสี่ตนที่คอยดูแลอยู่นั้นจักได้อิทธิคุณเสริมเพิ่มเข้าไปในด้าน การดลจิตดลใจคนให้หลั่งไหลมาหาเรามาช่วยเรา เชื่อฟังเรานำข้าวของเงินทองนำโอกาสสิ่งดีๆมาหาเรานั่นเอง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะส่วนตัวอาจารย์อินทร์แก้ว โดยอ้างอิงจากตำนาน ตำรา ประสบการณ์ส่วนตัว และจากปากครูอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องเชื่อตาม และอาจารย์อินทร์แก้วยังได้ขอความเมตตาจากปู่คมเดช เพื่อขอนำตะกรุดนี้ไปเข้าร่วมพิธีปลุกเสกอีกครั้งในวาระที่สองที่ปู่ท่านกำลังจะปลุกเสกรูปหล่อ ราชาขุนทึงเช่นกัน อาจารย์อินทร์แก้วบอกว่า "ผมจะทำได้ดีมากแค่ไหนนั้นไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ได้เอาเข้าร่วมปลุกเสกอีกครั้งจากครูอาจารย์ผมก็เชื่อมั่นใจว่าต้องดี เพราะครูทำสิ่งใดให้ต้องดีเสมอนั่นเอง"
King Khun Thueng Takrud by Arjarn Inkaew, Dong Phaya Tham Institution.
The magic of King Khun Thueng, also known as Khun Thueng Nang Mueang (King Khun Thueng Resides in the City), is one of the sacred arts that Arjarn Inkaew inherited from Grandmaster Pu Komdej Phon Ngern of the Tiger Hall. This lineage of magic was passed down and properly learned by Arjarn Inkaew according to the authentic tradition of this ancient magic.
This Khun Thueng Nang Mueang magic was one of the most cherished practices of Grandmaster Komdej, who held it in very high regard.
According to Arjarn Inkaew’s account from Grandmaster Komdej, only a few other masters (two or three at most) were ever taught this magic by him. As learned by Arjarn Inkaew, Khun Thueng is said to be the son of Mae Yak Khini, a powerful yak goddess.
Mae Yak Khini loved her child more than her own life. In some ancient magic texts, there are records of Mae Yak Khini carrying her child, symbolizing her overwhelming love and protective nature. This belief formed the basis for magic that reflects great love and divine protection for worshippers.
According to the old records, whenever Mae Yak Khini is with her son, she becomes gentle and kind, caring for him as though still carrying him in her womb.
As the legend goes, before Khun Thueng, who was a water naga in the underworld, departed from Mae Yak Khini to return to the human world, she brought him to meet Khun Ta (Khun Thueng’s grandfather), who was the Royal King of the Nagas.
The purpose of this visit was to request magical items to protect her son in the human world. The grandfather gave three powerful magical items:
A magic pot that grants wishes, Khun Thueng could speak into the pot, and what he wished for would appear.
A magic stick hook, which had eyes to guide his path. As he walked, he must drag this hook along the ground. If it struck something, he must stop, this would keep him safe from danger.
A magic rope loop capable of binding even the demon king, feared by gods and angels alike.
With the stick hook, Khun Thueng could draw lines in the earth to mark the area where he wished to build a city. Once the lines were drawn, the territory would be established under his rule and would flourish. This became the basis for the magic known as "Magical Wooden Stick Transforming the City" (Mai Kho Kham Sang Mueang), which Arjarn Inkaew also learned from Grandmaster Komdej in earlier years.
The magic rope loop was used to subdue beings of immense power. It was legendary, and even celestial beings respected it.
According to Grandmaster Komdej, one of the strongest elements of Khun Thueng magic is "Kham Khun" (Multiplication), the ability to multiply wealth, influence, status, and subdue obstacles.
Arjarn Inkaew confirmed through personal experience that the chanting and practice of this magic consistently brings growth in wealth and power, easy management of people, success over rivals, and spiritual strength, including the power to subdue spirits.
This Khun Thueng magic can be applied in many sacred contexts: for blessing ceremonies, using gold foil, making takruts, amulets, or even as Sak Yant (sacred tattoos).
Arjarn Inkaew once performed a Khun Thueng Sak Yant for his first student in Singapore, who later reported life-changing results, he gained respect, support, and success.
For this special occasion, Arjarn Inkaew chose to create a copper takrud, inscribed with the heart mantra of the Khun Thueng yantra, following the exact ancient formula, and dressed formally for the blessing ceremony, inviting the magical master of this lineage to descend and bless the takruts.
However, something strange occurred near the end of the consecration. While Arjarn Inkaew was chanting, a loud cracking sound was heard from the pile of takruts in front of him. (A CCTV recording of this incident was posted on social media.)
Startled, Arjarn Inkaew had to pause and start the chanting again, it was the first time he had experienced such a phenomenon.
He later consulted Grandmaster Komdej about this incident, asking whether it was a good or bad omen.
Grandmaster Komdej assured him that when such a sound comes from ritual objects (not the altar), it means the object has been highly empowered during the blessing. If the sound had come from the Buddha altar, it would be a warning or bad omen, but from the object, it signals great spiritual energy.
One key uniqueness of the Khun Thueng magic is that it also calls upon Mae Yak Khini to bestow wealth, property, riches, and support to Khun Thueng and his followers, ensuring there is always food, abundance, and help from others.
This Khun Thueng magic also summons four guardian giants, each protecting one of the four cardinal directions. Worshippers receive not only Mae Yak Khini’s blessing but also protection and influence from these four guardian giants.
Ancient scriptures say that those who master this magic will have limitless fortune. Their wealth will pile up like mountains, food and resources will flow like rivers into the ocean, and they will gain power, charm, and influence over others.
No enemies will prevail against them, and if they practice the prayers regularly, they will never lack money or support.
The blessings from Mae Yak Khini and the four guardian giants also bring influence over people, the power to draw supporters, and opportunities for prosperity.
Everything written here is based on Arjarn Inkaew’s personal belief, derived from ancient texts, real experiences, and teachings from Grandmaster Komdej.
For this reason, Arjarn Inkaew arranged for this batch of Khun Thueng takruts to be included in a second consecration ceremony, in which Grandmaster Komdej would also be consecrating Khun Thueng statues.
With blessings from both Grandmaster Komdej and Arjarn Inkaew, this batch of Khun Thueng takruts is believed to be exceptionally powerful and beneficial for all who worship them.
ระยะเวลาการขาย : จนกว่าของจะหมด |
|
|
|